นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2561 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 301.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 254.19 ล้านบาท จำนวน 47.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.60% และมีกำไรสุทธิ 41.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 36.09 ล้านบาท จำนวน 5.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.10%
ส่วนผลประกอบการปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 1,028.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 986.75 ล้านบาท จำนวน 42.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.28% และมีกำไรสุทธิ 130.21 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 130.65 ล้านบาท จำนวน 0.44 ล้านบาท หรือลดลง 0.34%
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทรับงานออกแบบ ติดตั้งระบบดับเพลิงสำหรับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมในสัดส่วนที่มากขึ้น ประกอบกับทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่มีความล่าช้าในช่วงปลายปีที่แล้ว และได้รับอานิสงส์เงินบาทแข็งค่าในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่กำไรสุทธิของผลประกอบการทั้งปีลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผู้รับเหมาหลักรายใหญ่มีความล่าช้าในการอนุมัติแบบงาน ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถรับรู้รายได้ตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งบริษัทมีการตั้งค่าสำรองหนี้สูญมูลค่า 6.97 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทมีการบริหารจัดการในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวลดลง และมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 283.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น27.86% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 259.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 26.61%
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 จ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหุ้นอีก 0.11 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 66.00 ล้านบาท จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.09 บาท/หุ้น หรือจำนวน 54 ล้านบาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2561 ให้แก่ผู้ถือจำนวน 120.00 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 96.99% ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักสำรองตามกฎหมาย โดยจะทำการกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล(Record Date) ในวันที่ 11 เม.ย.62 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 26 เม.ย.62 (ขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 28 มี.ค. 2562)
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานปีนี้บริษัทเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ทั้งการรักษาและขยายฐานลูกค้ารายสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน การพัฒนาธุรกิจบริการ การเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เพิ่มรายการของสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร รวมถึงแผนการขยายตลาดสู่ส่วนภูมิภาคและประเทศในแถบอาเซียน เช่น พม่า ลาว ร่วมกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,130 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 12 – 13 %