พริ้นซิเพิล แคปิตอล เผยปี 2561 รายได้กว่า 2,700 ล้านบาท กำไรเพิ่ม 43.3% เปิดแผนธุรกิจปี 2562 หลังย้ายหลักทรัพย์สู่หมวดธุรกิจการแพทย์

อังคาร ๐๕ มีนาคม ๒๐๑๙ ๑๒:๕๑
พริ้นซิเพิล แคปิตอล เผยผลการดำเนินธุรกิจในปี 2561 มีรายได้รวม 2,722.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีอัตรากำไร (EBITDA) 368.7 ล้านบาท เติบโต 43.3% จากปีก่อน พร้อมกางแผนธุรกิจปี 2562 หลังย้ายหลักทรัพย์สู่หมวดธุรกิจการแพทย์ (Health Care Services) เดินหน้าขยายธุรกิจเฮลท์แคร์เต็มสูบ เล็งปักธงเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลเครือข่ายในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 10 แห่งภายในปี 2562 และเป็น 20 แห่งใน ปี 2566 มุ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการด้านต่างๆ เพิ่มการลงทุนในการเพิ่มพื้นที่ การให้บริการทางการแพทย์ และการพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ เพื่อยกระดับโรงพยาบาล ในเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมจับมือพันธมิตรใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมพัฒนาสถานดูแลผู้สูงอายุ รับกระแสธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและผู้สูงอายุที่มีอัตราการขยายตัว อย่างต่อเนื่อง

ดร.สาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) (PRINC) และประธานคณะกรรมการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,722.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงพยาบาล 2,084.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 23.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน รายได้จากธุรกิจพัฒนาและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 574.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 20.5% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และรายได้จากธุรกิจ อื่น ๆ 63.9 ล้านบาท ลดลง 10.0% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน

ทางด้านอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) คิดเป็น 368.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 43.3%

สาเหตุที่ธุรกิจโรงพยาบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ที่ได้ซื้อกิจการเข้ามาในช่วงต้นปี 2561 รวมทั้งรายได้จากโรงพยาบาล 4 แห่งที่มีอยู่เดิม ได้แก่ โรงพยาบาลพิษณุเวช โรงพยาบาลปากน้ำโพ 1 โรงพยาบาลปากน้ำโพ 2 และโรงพยาบาลสหเวช ที่มีจำนวนผู้ป่วยเข้ามารับบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจพัฒนาและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ นับว่ามีรายได้เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยมีสาเหตุมาจากอัตราการเข้าพักในโครงการซัมเมอร์เซ็ท เอกมัย แบงค็อกเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานอาคารบางกอกบิสซิเนสเซ็นเตอร์มีรายได้สูงขึ้นจากลูกค้าใหม่ที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ส่วนโครงการแมริออท เอ็คเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า กรุงเทพฯ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงในช่วงกลางปี 2561 แต่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 ก็มีรายได้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ดร.สาธิต กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2562 หลังจากที่ ตลท. อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์สู่หมวดธุรกิจการแพทย์ (Health Care Services) เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ จะมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยมีแผนจับมือพันธมิตรใหม่ทั้งในและต่างประเทศในการร่วมกันพัฒนาสถานดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้สอดรับกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และยังสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ Healthcare 4.0 ที่มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยในปีนี้จะปรับสัดส่วนการดำเนินธุรกิจใหม่เป็นธุรกิจโรงพยาบาล 85% และธุรกิจพัฒนาและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 15% จากเดิมสัดส่วนธุรกิจโรงพยาบาลอยู่ที่ 77% และธุรกิจพัฒนาและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 23% ในปี 2561

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ หลังจากนี้ จะมุ่งยกระดับโรงพยาบาลที่ดำเนินการทั้งหมดโดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ อาทิ เทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว แม่นยำ และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ทั้งในส่วนของการปฏิสัมพันธ์ (Interface) กับผู้รับบริการ การบริการลูกค้า รวมทั้งการบริหารจัดการในส่วนของสำนักงาน (Back Office) โดยจะเน้นการบริหารงานแบบ Shared Services กับโรงพยาบาลต่างๆ ในเครือข่าย เพื่อให้เกิดมาตรฐานกลาง และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการด้านบัญชี การเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารสินค้าคงคลัง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้บริการด้านกลยุทธ์และการวิเคราะห์ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทรัพยากรเพื่อรองรับการขยายตัวของโรงพยาบาลในเครือข่ายในอนาคต

นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่บริษัทฯ จะมุ่งให้ความสำคัญ คือการเพิ่มพื้นที่การให้บริการทางการแพทย์ โดยการเพิ่มการลงทุนในการขยายโรงพยาบาลในเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นการปรับขยายอาคารที่มีอยู่เดิม หรือการสร้างอาคารใหม่ เพื่อรองรับการให้บริการกับลูกค้าหรือผู้รับบริการกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะมุ่งพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย การบริการที่ประทับใจ เพื่อให้ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจสูงสุดในการเข้าใช้บริการต่างๆ แบบมีมาตรฐานสูงจากโรงพยาบาล ในเครือข่ายนั่นเอง

"ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยภายใน 3 ปีจากนี้ จะมีอัตราการเติบโต 5-7% ต่อปี การเติบโตจะมาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการการดูแลรักษาพยาบาลที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมไปถึงความต้องการจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวโน้มจะเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทยมากขึ้น โดยผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการยกระดับในการให้บริการและการเพิ่มอัตราการครองเตียงมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้น ทำให้คาดว่าบริษัทประกันสุขภาพจะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนสามารถเติบโตในระยะยาว" ดร.สาธิต กล่าวเสริม

ปัจจุบัน บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด (ในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน)) มีโรงพยาบาลในเครือข่ายที่เปิดดำเนินการแล้ว 6 แห่งใน 5 จังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาลปากน้ำโพ 1 และโรงพยาบาลปากน้ำโพ 2 จ.นครสวรรค์ โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.พิษณุโลก โรงพยาบาลสหเวช จ.พิจิตร โรงพยาบาลศิริเวชลำพูน จ.ลำพูน และโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ถนนบางนา-ตราด จ.สมุทรปราการ

นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคมจะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ และอีก 1 แห่งที่จะเปิดให้บริการภายในปีนี้ ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จ.อุทัยธานี

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลในเครือข่ายเป็น 10 แห่งภายในปี 2562 และเพิ่มเป็น 20 แห่งภายในปี 2566 โดยมุ่งเน้นไปในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะจังหวัดที่การบริการด้านการแพทย์ยังเข้าไปไม่ทั่วถึง หรือมีโรงพยาบาลเป็นจำนวนน้อย เพื่อช่วยเหลือภาครัฐในการรองรับความต้องการด้านบริการทางการแพทย์ของประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ทันท่วงที โดยการเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลจะขยายในรูปแบบเครือข่าย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการโดยใช้ทรัพยากรร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรด้านการแพทย์ อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงการบริหารจัดการงานด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?