ไทยประกันชีวิตปลื้ม ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับเพิ่มเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงินสากลเป็น A- แนวโน้มมีเสถียรภาพ สูงสุดในธุรกิจไทย จากฐานะการเงินและโครงสร้างธุรกิจเข็มแข็ง ระดับเงินกองทุนแข็งแกร่ง ผนวกประสิทธิภาพการลงทุนที่ดี

ศุกร์ ๑๒ เมษายน ๒๐๑๙ ๐๙:๓๘
นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันจัดอันดับเครดิตทางการเงินระดับโลก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ได้ประกาศเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ โดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (International Insurer Financial Strength (IFS)) อยู่ที่ระดับ A- จากเดิมที่ระดับ BBB+ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National Insurer Financial Strength) อยู่ที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตสูงที่สุดในภาคธุรกิจไทย

ฟิทช์ เรทติ้งส์ประเมินว่า ไทยประกันชีวิตมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2561ระดับเงินกองทุนอยู่ที่ 374% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140% ขณะที่ผลประเมินระดับความแข็งแกร่งในด้านเงินกองทุนประมาณการตามแบบจำลองของ Prism Factor-Based Capital Model (Prism FBM) ของฟิทช์ฯ พบว่าอยู่ในระดับ "แข็งแกร่ง" (Strong) ซึ่งเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถรักษาฐานะของเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง จากความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดี และสามารถรับมือกับความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดี

ขณะเดียวกันไทยประกันชีวิตมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งทางการตลาดจากเครือข่ายตัวแทนที่มีจำนวนมากกว่า 30,000 คน มีฐานลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค นอกจากนั้น ยังมีพันธมิตรธุรกิจที่มีศักยภาพ คือ บริษัท เมจิ ยาซึดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาสนับสนุนทางด้านการดำเนินงานและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ดียิ่งขึ้น

ไทยประกันชีวิตมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อทรัพย์สิน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2561 เฉลี่ยที่ 2.2% ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ที่ฟิทช์ฯ กำหนด ขณะที่พอร์ตการลงทุนมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่มีคุณภาพดีเป็นหลัก ประมาณ 53% ของมูลค่าเงินลงทุนในตราสารหนี้รวม สัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนมีประมาณ 11% ของมูลค่าเงินลงทุนรวม และเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีระยะเวลาการลงทุนยาวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจได้รับจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

"บริษัทฯ มุ่งให้ความสำคัญต่อความมั่นคงทางการเงิน โดยดำเนินนโยบายการบริหารและจัดการการลงทุนอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เอาประกันตามสัญญากรมธรรม์ การมุ่งรักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูง รวมถึงการสร้างอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรับอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายตลาดผ่านช่องทางหลัก คือช่องทางตัวแทน ควบคู่กับการขยายตลาดผ่านช่องทางการขายใหม่ๆ อาทิ Telesales, Bancassurance หรือ E-Commerce ขณะเดียวกันบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภาวะต่างๆ อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้เอาประกัน และสร้างความมั่นคงแก่องค์กรอย่างยั่งยืน" นางวรางค์กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4