นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้ารวมทั้งอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 1/2562 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 598 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 29 ล้านบาท หรือลดลง 5% เป็นผลจากงานโครงการได้ปรับตัวลดลง 5% งานค้าส่ง ค้าปลีกลดลง 6% และงานส่งออกเพิ่มขึ้น 7%
โดยงานโครงการเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ และมีแนวโน้มเติบโตสูง จากการลงทุนของภาครัฐบาลและเอกชนอย่างต่อเนื่อง แม้จะปรับลดลงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นผลจากการเลื่อนส่งมอบสินค้าของงานทั้งจากภาครัฐบาลและภาคเอกชนบางโครงการไปเป็นไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ส่วนการลดลงของงานขายส่ง ขายปลีกเป็นผลจากการแข่งขันที่เข้มข้นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลง ขณะที่ การเพิ่มขึ้นของงานส่งออกนั้นเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นของตลาดในประเทศเมียนมาร์ ประเทศกัมพูชา ประเทศลาว ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเชีย
ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 15.7 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 4.2 ล้านบาท หรือลดลง 21% ส่วนกำไรขั้นต้นรวมรายได้อื่นปรับเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% แม้รายได้จากการขายและให้บริการจะลดลง 5% เป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวดีขึ้นจาก 33.5% ในปี 2561 เป็น 36.1% ในปี 2562 เนื่องจากบริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 9.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% สาเหตุใหญ่เป็นผลจากการปรับเงินเดือนประจำปี รวมถึง มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากโรงงานของบริษัทย่อยในประเทศเวียดนามได้เริ่มดำเนินการผลิตแล้ว และมีภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 1.5 ล้านบาท เป็นผลจากกำไรที่ลดลง
"L&E เราเป็นผู้นำในธุรกิจแสงสว่าง โดยเฉพาะงานโครงการจากภาครัฐบาลและเอกชน ที่เร่งขยายการลงทุน แม้จะเลื่อนการส่งมอบออกไปจากแผนเดิม แต่มองว่า ในช่วงต่อจากนี้จะสามารถเดินหน้าต่อและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ขณะที่ ภาพรวมกำลังซื้อในประเทศสำหรับลูกค้ารายย่อยทรงตัว ประกอบกับการแข่งขันที่สูง บริษัทฯ ได้ขยายโอกาสการเติบโตมายังตลาดส่งออก และประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม เห็นทิศทางตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มขึ้นแตะ 9% จากตลาดหลักในต่างประเทศเติบโต และแผนการรุกตลาดเวียดนามผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยแล้วเสร็จในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเริ่มเห็นผล และเตรียมนำโมเดลนี้ลุยตลาดที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย" นายปกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากแผนการเลื่อนส่งมอบงานโครงการ ประกอบกับทิศทางธุรกิจเริ่มฉายแววสดใสต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า ภาพรวมธุรกิจไตรมาส 2/2562 จะมีแนวโน้มการเติบเติบโตที่ดี ปัจจุบัน มีงานในมือ (Backlog) มูลค่าทั้งสิ้นประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ อีกทั้ง อยู่ระหว่างเดินหน้าประมูลงานโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมอีก จึงมั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่วางไว้จะเติบโตต่อเนื่อง 15% จากปีก่อนมีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 2,923 ล้านบาท