นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการ ผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจโดยรวมในปี2562 นี้ ยังอยู่ในทิศทางที่เติบโต หลังจากในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯได้มีการเซ็นสัญญา งานให้บริการบำรุงรักษาระบบประชุมทางไกล (Video Conference) และบำรุงรักษารถโมบายสื่อสารโทรคมนาคม ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์แท้ PlanetFiber ความเร็ว 100 Mb. ถึง 1 Gb. สำหรับคอนโดมิเนียมชั้นนำ ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป ยังมีทิศทางที่เติบโตดี โดยปัจจุบันได้ให้บริการแล้วมากกว่า 60 อาคาร ในเขตกรุงเทพฯ และชลบุรี มีจำนวนห้องมากกว่า 50,000 ห้อง และจะขยายการให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 33 อาคาร ภายในปี 2562
ส่วนบริการคลาวด์ออฟฟิศ (CloudOffice) แบบเหมาจ่ายรายเดือน ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ที่สามารถช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการได้มากถึง 30% - 40% นั้นปัจจุบันบริษัทมี Backlog มูลค่าราว 10 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 3 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ในกลุ่มหน่วยงานราชการ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะมีการเติบโตอย่างทวีคูณภายใน 3-5 ปี นับจากนี้
นายประพัฒน์ กล่าวต่อถึงด้านการจำหน่ายอุปกรณ์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ ว่า บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อาทิ รถโมบายสื่อสารโทรคมนาคม ที่บริษัทฯผลิตให้หน่วยงานราชการและเอกชน ราคาคันละประมาณ 20-30 ล้านบาท ปัจจุบันมีออเดอร์เข้ามาแล้ว 6 คัน และอยู่ระหว่างการประมูลอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ เฉลี่ยแต่ละปีบริษัทฯมีการผลิตประมาณ 10 คัน ซึ่งในปี 2562 นี้ มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทฯได้มีการขยายฐานลูกค้าไปต่างประเทศมากขึ้น ล่าสุด ได้มีการเซ็นสัญญากับหน่วยงานด้านการบินในประเทศเมียนมาร์ เป็นงานเกี่ยวกับการสื่อสารควบคุมการจราจรทางอากาศ มูลค่า 24 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งมอบงานภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเจรจางานติดตั้งระบบการสื่อสารดาวเทียมในประเทศแถบยุโรป คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้เช่นกัน
นายประพัฒน์ กล่าวต่ออีกด้วยว่า แม้ผลประกอบการ ในไตรมาส 1/2562 มีรายได้รวม 159.17 ล้านบาท ลดลง 55.97 ล้านบาท หรือลดลง 26.02% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 215.14 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.92 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.22% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลกำไร 5.10 ล้านบาท ลดลง 3.18 ล้านบาท เนื่องมาจาก ยอดขายรวมของบริษัทฯลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะมีการทยอยรับรู้รายได้ จากงานในมือ (Backlog) โดยปัจจุบันมีตัวเลข อยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งถือเป็น Backlog ที่สูงกว่าทุกปีที่ผ่านมาที่มีระดับงานในมือระดับ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2562 เติบโต 20%