นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า พร้อมบริการด้านเทคโนโลยีที่ครบวงจรในอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่มีคุณภาพระดับโลก เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ตั้งแต่ช่วงต้นปี2562 ที่ผ่านมา เพื่อเสริมแข็งแกร่งศักยภาพทางธุรกิจ ในการเป็น Smart Transformer และ Super low loss transformer โดยแผนการปรับกลยุทธ์ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงาน ในงวด 6 เดือนแรกของปี2562 บริษัทฯมีรายได้ 502 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 404 ล้านบาท หรือ 24% ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 119 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 55 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯมีรายได้รวม 236 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 40 ล้านบาท เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาท สำหรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจาก การรับรู้รายได้การขายหม้อแปลงไฟฟ้าให้กับหน่วยงานภาครัฐ และส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของ บริษัท คิวโซล่าร์ 1 จำกัด ขนาดกำลังผลิต 8.6 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ จังหวัดปราจีนบุรี
โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทฯมียอดขายหม้อแปลงในมือ(backlog) จำนวนกว่า 530 ล้านบาท แบ่งเป็นงาน จากราชการ จำนวน 280 ล้านบาท งานเอกชน จำนวน 110 ล้านบาท และงานต่างประเทศ จำนวน 140 ล้านบาท ซึ่งเริ่มทยอยส่งมอบสินค้าได้ตั้งแต่ปีนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2562 บริษัทฯ จะมีการปรับกลยุทธ์และทีมงานขายต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายที่ต้องการเพิ่มยอดขายต่างประเทศ จากปัจจุบันที่มีการส่งออกหม้อแปลงไปต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ อยู่แล้ว ก็จะวางแนว กลยุทธ์บุกตลาดในแถบทวีป เอเชียและยุโรปมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการภาครัฐ ที่ทยอยประกาศผลการประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ประมาณ 10% ของ มูลค่าการประมูลรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งปริมาณความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐทั้งจากโครงการ EEC และรถไฟฟ้า
ส่วนความคืบหน้าการทำการตลาด และการจำหน่าย DE BUSDUCT ซึ่งบริษัทฯเป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ยอมรับว่ามีกระแสการตอบรับ และมีการสั่งออเดอร์เข้ามาแล้ว หลายโครงการ ซึ่งคาดว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวปีนี้ประมาณ 30 ล้านบาท เช่นเดียวกับการดำเนินการในส่วนของ Smart Transformer หรือ ระบบอัจฉริยะที่ติดตามการทำงานของหม้อแปลงที่สามารถตรวจเช็คข้อมูลของหม้อแปลงได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านระบบ 3G หรือ 4G ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดสั่งซื้อเข้ามามากแล้ว ดังนั้นมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยแบ่งออกเป็นธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าราว 1,000 ล้านบาท และจากธุรกิจพลังงานทดแทน 140-150 ล้านบาท