หอการค้าไทยชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ จี้รัฐเร่งดำเนินการ

พฤหัส ๒๒ สิงหาคม ๒๐๑๙ ๑๗:๑๕
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศึกษาผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นเศรษกิจของรัฐบาล

ที่จะใช้เม็ดเงินจำนวน 316,813 ล้านบาท ใน 3 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการเกษตรกรรายย่อยและเกษตรกรประสบภัยแล้ง โดยแบ่งการศึกษาเป็น 2 ส่วน คือการสำรวจในเชิงวิชาการจากประชาชนทั่วไป และสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มนักธุรกิจของหอการค้าไทย ซึ่งพบว่า ทั้งกลุ่มประชาชนและผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เพราะจะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อให้ประชาชน ทำให้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยเหลือคนจน ช่วยเหลือเกษตรกร ในขณะเดียวกัน ก็จะช่วยสร้างสภาพคล่องให้ภาคธุรกิจ และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น

"มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมา เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้น โดยประชาชนในแต่ละกลุ่มจะได้รับประโยชน์แตกต่างกัน โดยคาดว่าผู้มีรายได้น้อยจะซื้อสินค้ามากขึ้นในช่วง 2 เดือนนี้ เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะมากขึ้น พร้อมการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย เช่นเดียวกันนักธุรกิจก็เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นการบริโภค การลงทุน ความเชื่อมั่น ปริมาณสินเชื่อ และการสร้างสภาพคล่องของธุรกิจ" นายกลินท์ กล่าว

สำหรับผลการประเมินผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจจากมาตรการดังกล่าว ได้แบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่วงเงินถูกใช้ไม่เต็มที่ และกรณีวงเงินที่ถูกใช้มากขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณที่เข้ามาในระบบในไตรมาสที่ 3 ประมาณ 47,657.3-61,020 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 4 ประมาณ 102,639.9-122,381.8 ล้านบาท เมื่อรวมทั้งปีคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาประมาณ 150,297.2-183,401.8 ล้านบาท และคาดว่าจะทำให้ GDP ของประเทศ ขยายตัวได้ร้อยละ 2.8-3.4% โดยเฉลี่ย 3%

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเร่งดำเนินการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และควรประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทราบอย่างละเอียด รวมทั้งกลไกการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ ควรอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้เข้าถึงนโยบายของรัฐได้เร็วมากขึ้น ทั้งนี้ ควรระมัดระวังเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่น

ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งบประมาณดังกล่าว จึงควรมีการตรวจสอบการใช้งบประมาณที่เข้มงวด เพื่อให้งบประมาณ

ถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึง

"เศรษฐกิจของประเทศไทยมีปัจจัยลบมากมาย ทั้ง Trade war เศรษฐกิจจีนชะลอ การส่งออกติดลบ ภัยแล้ง ความเชื่อมั่นลด ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวลงอย่างมาก ดังนั้นการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย เห็นได้จากผลสำรวจที่กล่าวมาข้างต้น

ที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยและพอใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตได้ โดยทางหอการค้าไทยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจโตอย่างน้อย 0.4% ในปีนี้ และคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวทั้งปีได้ถึงร้อยละ 3.0%-3.4% แต่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง โดยที่หอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ หอการค้าจะช่วยกระตุ้นโดยการจัดประชุมและสัมมนาในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเช่นเดียวกัน เพราะจะทำให้เม็ดเงินลงสู่ชุมชนและถึงมือประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง" นายกลินท์ กล่าวสรุป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4