คณะกรรมการ กนง. กล่าวย้ำว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ และการหดตัวของส่งออกส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งแสดงความกังวลในเรื่องปัญหาสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ รวมทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ คณะกรรมการยังระบุถึงวัฏจักรขาลงต่อเนื่องของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และแม้ว่ามีการใช้มาตรการการคลังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภคภาคเอกเชนมีแนวโน้มชะลอตัวเนื่องจากรายได้ที่ปรับลดลงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ในด้านแรงกดดันด้านราคา กนง.มองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-4% ในปี 2563 สำหรับปี 2562 คาดการณ์การเติบโตของ GDP ได้ปรับลงมาที่ 2.8% จากเดิม 3.3% โดยคาดการณ์ภาคส่งออกจะหดตัวราว 1.0% และคณะกรรมการยังปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2563 มาที่ 3.3% จากเดิม 3.7% แต่มองว่าส่งออกน่าจะขยายตัว 1.7% ในปีหน้า
คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ความเห็นของ กนง. ในวันนี้มีท่าทีไม่แตกต่างจากการประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ผลการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการยังคงกังวลในเรื่องผลกระทบจากการปล่อยให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ มีความเห็นว่า กนง.ยังคงต้องการรอดูสถานการณ์ก่อน ขณะที่เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ 1.25% ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะถ้าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขาลง และคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4/2562 น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้