นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 158 บริษัท คิดเป็น 95% จากทั้งหมด 166 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงตามปีปฏิทิน) นำส่งผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรก ของปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 พบ บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 112 บริษัท คิดเป็น 71% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด
ผลการดำเนินงาน บจ. mai งวด 9 เดือน ปี 2562 มียอดขายรวม 139,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ต้นทุนรวม 110,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 21.22% มาอยู่ที่ 20.81% กำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) อยู่ที่ 4,710 ล้านบาท ลดลง 19.2% อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงจาก 4.28% มาที่ 3.37% และกำไรสุทธิรวม 8,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.0% อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 3.63% เป็น 5.85%
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2562 บจ. mai มียอดขายรวม 46,270 ล้านบาท ลดลง 0.4% กำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) 1,666 ล้านบาท ลดลง 11.1% และกำไรสุทธิรวม 4,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 3 มีการบันทึกกำไรจากขายเงินลงทุนของ บจ. แห่งหนึ่งในกลุ่มทรัพยากรมูลค่า 3,376 ลบ. ทำให้กำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น"
"ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ของ บจ. mai มียอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น แต่ผลกำไรจากการดำเนินงานใน ไตรมาส 3/2562 ปรับลดลง จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซื้อในประเทศชะลอตัวลง ทำให้ บจ. ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงขึ้น
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai ณ 30 กันยายน 2562 มีสินทรัพย์รวม 271,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากสิ้นปี 2561 ขณะที่โครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.03 เท่า ลดลงจากสิ้นปีที่แล้วที่ 1.07 เท่า" นายประพันธ์กล่าว
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 166 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 323.00 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) 221,438 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 749 ล้านบาทต่อวัน