CPF พร้อมขายหุ้นกู้ผ่าน 5 แบงก์ วันที่ 1-2 และ 4 มิ.ย.นี้ ดอกเบี้ย 3.00% ถึง 4.00 % ต่อปี

ศุกร์ ๒๒ พฤษภาคม ๒๐๒๐ ๑๐:๒๔
บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ “ซีพีเอฟ” (CPF) กำหนดอัตราดอกเบี้ยต่อปี สำหรับหุ้นกู้ อายุ 4 ปี ที่ 3.00% อายุ 7 ปี ที่ 3.40% อายุ 12 ปี ที่ 3.75% และอายุ 15 ปี ที่ 4.00% พร้อมเสนอขายให้ผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 1-2 และ 4 มิถุนายนนี้ ผ่าน 5 สถาบันการเงิน มั่นใจได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เหตุหุ้นกู้ได้รับอันดับเครดิตที่ A+ จากทริสเรทติ้ง สะท้อนความแข็งแกร่งของกิจการและโอกาสในการเติบโตอย่างมีศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ผลตอบแทนน่าพอใจในภาวะที่การลงทุนโดยรวมยังมีความไม่แน่นอนสูง และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับต่ำ
CPF พร้อมขายหุ้นกู้ผ่าน 5 แบงก์ วันที่ 1-2 และ 4 มิ.ย.นี้ ดอกเบี้ย 3.00% ถึง 4.00 % ต่อปี

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” (CPF) ผู้ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบันนั้น ล่าสุด บริษัทฯ ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ดังกล่าว ดังนี้ หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ขณะที่หุ้นกู้อายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี และอายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี จะเสนอขายเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 1-2 และ 4 มิถุนายนนี้

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองซื้อหุ้นกู้ “ซีพีเอฟ” ได้ที่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองซื้อหุ้นกู้ได้ที่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท

การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากหุ้นกู้ของ “ซีพีเอฟ” ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ A+ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ซึ่งสะท้อนสถานะความเป็นผู้นำของบริษัท ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ตลอดจนการมีฐานการผลิตในหลายประเทศ รวมถึงการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ สอดคล้องกับความต้องการของผู้ลงทุนที่แสวงหาทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ท่ามกลางภาวะการลงทุนที่มีความไม่แน่นอน และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการออกหุ้นกู้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 และมีการจำหน่ายหุ้นกู้มาแล้วมากกว่า 40 รุ่น ซึ่งไม่เคยมีปัญหาในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของซีพีเอฟให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจแบบครบวงจรและกระจายความเสี่ยง จึงมีกิจการครอบคลุมทั้ง สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ด กุ้ง และปลา โดยธุรกิจหลัก 3 ประเภท คือ 1. ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) 2. ธุรกิจผลผลิตจากการเลี้ยงสัตว์และแปรรูปเนื้อสัตว์ (Farm and Processing) ได้แก่ พันธุ์สัตว์ สัตว์เพื่อการค้า และเนื้อสัตว์แปรรูปขั้นพื้นฐาน และ 3. ธุรกิจอาหาร (Food) ได้แก่ เนื้อสัตว์แปรรูปกึ่งปรุงสุกและปรุงสุก และสินค้าอาหารพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้า CP และตราสินค้าของลูกค้า รวมทั้งประกอบกิจการค้าปลีกและร้านอาหาร เช่น CP Freshmart กิจการห้าดาว และร้าน Chester’s ดังนั้นภาพรวมธุรกิจของซีพีเอฟจึงถือเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของการดำรงชีวิตซึ่งมีความสำคัญ ไม่ว่าจะในมุมของการเป็นผู้ผลิตอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของคนไทย หรือการเป็นผู้สร้างงาน

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 6,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและอัตรากำไร โดยรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีจำนวน 138,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากรายได้จากการขายของกิจการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 12% และกิจการในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 6% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจการเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 18% ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 14% โดยมีปัจจัยหลักมาจากกำไรขั้นต้นของธุรกิจสุกรที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากโรคระบาด ASF (African Swine Fever) ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ปริมาณสุกรในประเทศเวียดนามลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ราคาขายเฉลี่ยในประเทศเวียดนามปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ (CPF) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงิน ดังต่อไปนี้

ผู้ลงทุนทั่วไป ติดต่อ

- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-111-1111

- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-888-8888 กด 819

- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร.02-777-6784

- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7777

ผู้ลงทุนรายใหญ่ ติดต่อ

- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-111-1111

- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-888-8888 ต่อ 819

- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร.02-777-6784

- ธนาคารออมสิน (จัดจำหน่ายที่สำนักงานใหญ่เท่านั้น) โทร.02-299-9245

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๓๖ โรงพยาบาลพระรามเก้า คว้ารางวัล Digital Transformation Initiative of the Year 2024 จากเวที Healthcare Asia Awards
๑๒:๐๐ กลับมาอีกครั้งกับงานช้อปอย่างมีสไตล์ รายได้เพื่อชุมชน ครั้งที่ 14 เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ชวนมาช้อป ชม ของดี ของเด็ดประจำจังหวัดปทุมธานี ระหว่าง 4 - 10
๑๒:๓๙ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สนับสนุนพื้นที่ กรมพลศึกษา จัดแข่งขันกีฬากระบี่กระบองระหว่างโรงเรียน กิจกรรมสร้างสรรค์เสริมทักษะเยาวชน ส่งเสริม SOFT POWER
๑๑:๑๕ TOA ย้ำแชมป์สีเบอร์หนึ่ง คว้า 2 รางวัลใหญ่ 'สุดยอดองค์กร และแบรนด์สีที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นมากที่สุด' 13 ปีซ้อน Thailand's Most Admired Company Brand ปี
๑๑:๔๒ ไทยพีบีเอสยกระดับรู้เท่าทันภัยออนไลน์ ผนึกกำลัง 8 หน่วยงาน ป้องกัน-กวาดล้างอาชญากรรมไซเบอร์
๑๑:๕๘ ศิษย์เก่าวิศวฯ SPU กว่า 5 ทศวรรษ ร่วมย้อนวันวานในงาน วิศวฯ คืนถิ่น SEAN HOMECOMING 2024
๑๑:๑๓ เฮงลิสซิ่ง ร่วมสืบสานประเพณีท้องถิ่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2567
๑๑:๔๕ YouTrip สาดความคุ้มต้อนรับสงกรานต์กับ 2 โปรพิเศษ 4.4 Travel Sale และ Japan Mega Cashback รับส่วนลดสุดคุ้มจากแบรนด์ท่องเที่ยวดัง และเงินคืนสูงสุด 2,000
๑๑:๕๒ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.รามคำแหง เชิญเข้าร่วมงานสัมมนาวิชา อนาคตเศรษฐกิจไทย: ยืดหยุ่นและยั่งยืน
๑๑:๑๐ เจแอลแอล ประเทศไทย เผยเทรนด์ ESG ของปี 2567 และเป้าหมายสู่อุตสาหกรรมสีเขียวของวงการอสังหาฯ