นายเศกสุข เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและอาหารเสริม ภายใต้แบรนด์ คาลวิ่น (Kalvin) แคลวิ่น (Calvin) และ วีโอ (Vio) เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยหันมาสนใจดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันโรคภัยต่างๆ แทนการรักษา ส่งผลให้แนวโน้มการบริโภคอาหารเสริมมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 พบว่าตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมีการเติบโตต่อเนื่องอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2551 คาดว่าเมื่อสิ้นโค้งสุดท้ายปี 2553 ขนาดตลาดอาหารเสริมรวมของประเทศไทยจะมีมูลค่ารวมประมาณ 12,000 ล้านบาท (ไม่รวมธุรกิจไดเร็คเซล) และมีแนวโน้มว่าในปี 2553 นี้ตลาดรวมของอาหารเสริมในประเทศจะมีการเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 เนื่องจากการขยายตัวตลาดรองรับสังคมผู้สูงวัยซึ่งมีกำลังซื้อสูงและผู้ใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเอง และจากการที่ผู้ประกอบการต่างนำเสนอนวัตกรรมอาหารเสริมใหม่ที่น่าสนใจและการทำกิจกรรมด้านการตลาด แนวโน้มของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโรคเลือดจะขยายตัว เนื่องจากวิถีชีวิตและการบริโภคที่เปลี่ยนไปทำให้คนไทยป่วยด้วยโรคเลือดกว่า 11 ล้านคน เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น ส่วนการแข่งขันในโค้งไตรมาสสุดท้ายของปี2553 แบรนด์ต่างๆคงจะใช้ช่วงโอกาสฤดูเทศกาลจัดกิจกรรมโปรโมชั่นที่ดึงดูดความสนใจ การเข้าถึงผู้บริโภค ณ.จุดขายและแหล่งเป้าหมายเพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อ รวมทั้งให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างการซื้อที่ต่อเนื่องจากแบรนด์ลอยัลตี้หรือความภักดีต่อตราสินค้า
บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ มีนโยบายที่จะรุกตลาดอาหารเสริมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่นิยมบริโภคอาหารเสริม และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยใช้งบในการทำโฆษณาและการตลาดกว่า 5 ล้านบาท เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท และผลิตภัณฑ์ ล่าสุดบริษัทได้มีการจัดรายการส่งเสริมการขายภายใต้ชื่อแคมเปญ “ลุ้นโชคทองฉลองสุขภาพดีกับ Kalvin” เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์อาหารเสริมให้กับผู้บริโภคและร้านยา รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการทดลองใช้และซื้อซ้ำ และยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อร้านยา ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายสำคัญของบริษัทฯ
แคมเปญ “ลุ้นโชคทองฉลองสุขภาพดีกับ Kalvin” แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การร่วมชิงโชคสำหรับลูกค้าทั่วไป ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์คาลวิ่น แคลวิ่น และวีโอ ร่วมส่งชิ้นส่วนของกล่องผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ แคลวิ่น (Kalvin)” , “คาลวิ่น (Calvin)” และ “;วีโอ้ (Vio)” ชนิดใดก็ได้ เขียนชื่อ-นามสกุล ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ พร้อมระบุชื่อร้านยาที่ซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยลายมือ และส่งชิ้นส่วนร่วมลุ้นรางวัลสร้อยคอทองคำ พร้อม Gift Set ผลิตภัณฑ์จำนวน 50 รางวัลและ Gift Setผลิตภัณฑ์อีกจำนวน 50 รางวัล และการชิงโชคของร้านยา ที่ร่วมแคมเปญซึ่งมีการจัดอันดับ Top Ten ร้านยาที่มีผู้ส่งชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ร่วมชิงโชคมากที่สุด 10 อันดับแรก จะได้รับสร้อยคอทองคำ 10 รางวัล และรางวัลพิเศษ “Kalvin เชียร์ยกแก๊งค์ ทัวร์ยกแก๊งค์” ลุ้นแพ็คเกจทัวร์เกาหลี จำนวน 4 ที่นั่ง สำหรับร้านยาที่มียอดผู้ส่งชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ร่วมชิงโชคมากที่สุดเป็นอันดับแรกโดยแคมเปญนี้จะเริ่มตั้งแต่ วันนี้ ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ร้านขายยาที่ร่วมรายการ หรือ ที่ www.biopharm.co.th
“แคมเปญลุ้นโชคทองฉลองสุขภาพดีกับ Kalvin จัดขึ้นเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับผู้บริโภค และร้านยา โดยการจัดแคมเปญนี้มุ่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภครู้จักผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของบริษัท ผ่านร้านยา ซึ่งจะมีการติดป้ายโปสเตอร์ การตั้งโชว์ผลิตภัณฑ์และป้ายโฆษณาภายในร้านยา พร้อมแจกใบปลิวประชาสัมพันธ์แคมเปญให้ผู้บริโภครับรู้ นอกจากนี้ยังมีการจัดโรดโชว์ ออกโปรโมทกิจกรรมตามร้านยาในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จำนวน 100 ร้าน พร้อมโรดโชว์ มอบรางวัลให้กับร้านยา 10 อันดับแรกที่ได้รับรางวัลด้วย”
การจัดแคมเปญนี้คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคและร้านยาเป็นอย่างดี โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของบริษัทฯมียอดขายรวม 100 ล้านบาท
สำหรับบริษัท ไบโอฟาร์ม เคมีคัลส์ จำกัด เริ่มก่อตั้งแต่ปี 2517 เป็นผู้ดำเนินกิจการด้านเวชภัณฑ์ในประเทศไทย มายาวนานกว่า 36 ปี โดยเป็นผู้นำเข้า และผลิต ภายใต้โรงงาน ไบโอแลป หรือบริษัท ไบโอแลป จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตยาแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 และเป็นโรงงานผลิตยาแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ผ่านมาตรฐานการผลิตยาของยุโรปหรือ EU GMP (PIC/S) ทั้งระบบ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับบริษัทยาชั้นนำของโลก ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์ยา และฟาร์มาฟู๊ดกว่า 100 รายการ โดยมีสัดส่วนช่องทางการจำหน่ายผ่านโรงพยาบาลร้อยละ 70 และร้านขายยาชั้นนำร้อยละ 30 โดยในปีที่ผ่านมา มียอดขายติดอันดับ 1 ใน 4 ของอุตสาหกรรมยาภายในประเทศ