ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที.ปลื้มภายหลังไปขยายตลาดในต่างประเทศ ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2555 ที่ผ่านมาโตขึ้นกว่า 40% พร้อมเตรียมรุกตลาดไปยังประเทศเวียดนามและอินเดีย โดยเน้นการทำตลาดแบบการสร้างความรู้ให้แก่กลุ่มแพทย์ และประชาชน ให้มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง ตั้งเป้าสิ้นปียอดโตขึ้นอีกกว่า 20%
นายศรายุธ อัสสมกร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนที่มีผลสำเร็จด้านอัตราการตั้งครรภ์ในระดับสากลและมีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย เปิดเผยว่า ตลาดผู้มีบุตรยากโดยรวมในปีที่ผ่านมามีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งอัตราการเจริญเติบโตส่วนใหญ่มาจากตลาดต่างประเทศ เพราะตลาดในประเทศเองนั้นยังมีอัตราการเจริญเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่ของศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที.โตเฉลี่ยอยู่ที่ 40% เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
“แม้ในปีที่ผ่านมาศูนย์เราจะมีอัตราการเจริญเติบโตสูงถึง 40% แต่ในสัดส่วนของลูกค้าก็ยังคงแบ่งเป็นชาวต่างชาติ 80% และชาวไทย 20% เหมือนเดิม แต่ผลจากการไปเปิดตลาดในประเทศพม่าและประเทศจีนในปีที่ผ่านมาทำให้ตัวเลขผู้เข้ารับบริการของสองประเทศนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากเดิมที่อยู่ประมาณ 5-10% และในปีนี้เราตั้งใจว่าจะขยายตลาดไปยังประเทศในแถบเอเชียซึ่งเป็นประเทศที่เราเคยได้มีโอกาสร่วมงานมาแล้วแต่จะเป็นการประสานงานในเชิงวิชาการเพิ่มมากขึ้น และยังคงเน้นทำตลาดในรูปแบบของการเข้าไปช่วยบริหารจัดการหรือแบบ Management Chain พร้อมกับการให้ความรู้แก่แกลุ่มแพทย์ และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเทคโนโลยีการคัดกรองตัวอ่อน (PGD-PCR) ให้ปลอดโรคทางพันธุกรรมก่อนการตั้งครรภ์ อาทิ โรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างใหญ่มากและเรามีความแตกต่างในเทคนิคมากกว่าที่อื่น ซึ่งถือเป็นเพียงศูนย์เดียวที่สามารถทำได้ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายศรายุธกล่าว
นายศรายุธ ยังกล่าวว่า ทางด้านอัตราความสำเร็จของผู้มาเข้ารับบริการกับทางศูนย์ในปีที่ผ่านมาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้มีบุตรยากทั่วไป เปอร์เซ็นควาด้านมสำเร็จอยู่ที่ 40-43% และกลุ่มพันธุกรรม มีเปอร์เซ็นความสำเร็จสูงถึง 50% สำหรับแนวโน้มตลาดผู้มีบุตรยาก นายศรายุธมองว่า แนวโน้มตลาดผู้มีบุตรยากในประเทศมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะศูนย์ผู้มีบุตรยากส่วนใหญ่จะทำตลาดต่างประเทศกันค่อนข้างมาก อัตราการเจริญเติบโตในประเทศตอนนี้สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป หลายๆ ศูนย์จึงเริ่มทำตลาดต่างประเทศมากขึ้นแทน