จากข้อมูลของ IMS ในปี พ.ศ. 2556 ไบเออร์ เฮลธ์แคร์ ฟาร์มาซูติคอล เป็นบริษัทข้ามชาติ ที่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเมื่อเทียบกับบริษัทยาข้ามชาติขนาดใหญ่ของโลกกว่า 20 บริษัท
กลุ่มไบเออร์วางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 11 ล้านยูโรในการวิจัยและพัฒนาภายในปี พ.ศ.2557 ถึง พ.ศ. 2559 โดยประมาณสองในสามของเงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาได้มุ่งเน้นไปที่ ไบเออร์ เฮลธ์แคร์ ปัจจุบันบริษัทมีตัวยาและสารเคมีในขั้นตอนการในการพัฒนา (pipeline) จำนวน 44 ตัวที่อยู่ในการศึกษาทดลองทางคลีนิคในระยะที่ 1 ถึง 3 แนวโน้มในอนาคตของบริษัทเป็นไปในทิศทางบวก เนื่องจาก ภายในปี พ.ศ. 2558 จะมียาตัวใหม่จำนวน 5 ตัวอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทดลองทางคลีนิคในระยะที่สาม โดย ยาดังกล่าวจะเป็นยาในกลุ่มโรคหัวใจ โรคโลหิต โรคมะเร็ง โรคนรีเวช และมีศักยภาพในการช่วยรักษาและป้องกันโรคที่รักษายากในประชากรกลุ่มประเทศอาเซียน
นำยาใหม่ๆเพื่อการรักษาผู้ป่วยไทย
สำหรับในประเทศไทย แผนก ไบเออร์ เฮลธ์แคร์ ฟาร์มาซูติคอล วางแผนที่จะนำยานวัตกรรมใหม่จำนวน 5 ตัว ในการรักษาโรคกว่า 9 โรค เข้าสู่ตลาดภายในกลางปี พ.ศ. 2558 มร. อัลพ์ อัทเท ผู้จัดการทั่วไป แผนก เฮลธ์แคร์ ฟามาร์ซูติคอล บริษัทไบเออร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะนำผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่จะช่วยพัฒนาชีวิตของคนไทย นอกเหนือจากการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดเวชภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี ยารักษาโรคหลอดเลือดและหัวใจ (Cardiovascular) โรคเบาหวาน (Diabetes) ยาต้านการติดเชื้อ ( Antiinfectives) และโรคมะเร็งตับ (Live Cancer) เราวางแผนที่จะเปิดตัวยานวัตกรรมสำหรับการรักษาของโรคเฉพาะทางอย่างโรคจอประสาทตาเสื่อม (Wet Age-Related Macular Degeneration) โรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) โรคภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) โรคความดันหลอดเลือดในปอดสูง (Pulmonary Hypertension) มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal Cancer) และมะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer) เรามุ่งหวังให้ยาเพื่อการรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลส์มะเร็ง( targeted theraphy) 3ตัวเป็นอีกทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะท้ายๆซึ่งเดิมไม่มียาที่สามารถรักษาได้”
ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยไทยที่เข้าร่วมการวิจัยทางคลีนิคที่ทางไบเออร์ เฮลธ์แคร์ สนับสนุน ก็มี เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 มีการวิจัยทางคลีนิคเกิดขึ้นในประเทศไทยประมาณ 52 โครงการ โดยในจำนวนนี้มีการวิจัยจำนวน 11 โครงการยังคงดำเนินการวิจัยอยู่จนถึงปัจจุบัน วัตถุประสงค์ของการศึกษาเหล่านี้คือการรวบรวมผู้ป่วยชาวไทยให้เข้าถึงการพัฒนายาระดับโลกตั้งแต่ระยะเริ่มต้นอย่างเป็นระบบเพื่อให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงยานวัตกรรมได้เร็วขึ้น