ดร.นพ.สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หมายถึงผู้ที่มีความดันเลือดเท่ากับหรือสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท เมื่อปล่อยนานไปโดยไม่ได้รับการดูแลรักษา จะส่งผลให้เกิดการทำลายผนังหลอดเลือดและอวัยวะที่สำคัญทั่วร่างกาย มีโอกาสที่จะป่วยด้วยโรคอื่นๆ ตามมา เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคไต เป็นต้น สาเหตุสำคัญของการป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงนั้นมากจากการบริโภคอาหารรสเค็มในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งอาหารเหล่านั้นได้รับการปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่มีปริมาณของโซเดียมสูง ได้แก่ เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ผงปรุงรส กะปิ น้ำมันหอย เป็นต้น
ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสเค็มจัด จึงมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ที่รับประทานอาหารรสจืด โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีวัฒนธรรมการรับประทานอาหารรสจัด มีเมนูที่มีรสเค็มนำ เช่น น้ำบูดู ที่ได้มาจากการหมักปลาทะเลสดผสมกับเม็ดเกลือ มักนำมารับประทานกับผักสด หรือนำมาคลุกกับข้าวผสมผักสดที่เรียกว่า ข้าวยำ อีกหนึ่งเมนูของชาวใต้คือแกงไตปลา ที่ต้องนำส่วนของพุงปลามาหมักด้วยเกลือและปรุงรสด้วยกะปิ ซึ่งหากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือบ่อยเกินไป อาจส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงได้ ทั้งนี้ไม่ได้ห้ามรับประทาน แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว ควรจะรับประทานในรสชาติที่อ่อนลงไปและเน้นผักให้มากขึ้น
ดร.นพ.สุวิช ธรรมปาโล กล่าวเพิ่มเติมว่า ความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่งของประเทศ เห็นได้จากจำนวนผู้ป่วยที่มีเพิ่มขึ้นทุกปี โดยข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี 2555 มีผู้เสียชีวิตจากความดันโลหิตสูง จำนวน 3,684 คน เนื่องในวันที่ 17 พฤษาคมของทุกปี เป็นวันความดันโลหิตสูงโลก จึงต้องการรณรงค์สื่อสารไปยังประชาชนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคดังกล่าว ด้วยการเลือกรับประทานอาหารรสเค็มให้น้อยลง งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลป้องกันตนเองจากโรคความดันโลหิตสูง สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา
โทรศัพท์ 0-7433-6079-81 ต่อ 29
อีเมล [email protected]