ภาคีเครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉินยื่นข้อเสนอเชิงนโยบาย 5 ข้อ เน้นรถพยาบาลปลอดภัย-หมายเลขฉุกเฉินเบอร์เดียว

พฤหัส ๐๗ เมษายน ๒๐๑๖ ๑๔:๕๕
ภาคีเครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉินยื่นข้อเสนอเชิงนโยบาย 5 ข้อ เน้นรถพยาบาลปลอดภัย-หมายเลขฉุกเฉินเบอร์เดียว-กำหนดหลักสูตรสอนการปฐมพยาบาลในทุกระดับ ต่อรัฐบาล ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ขณะที่ เลขาธิการ สพฉ. ขอบคุณผู้ปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉินช่วยทำงานจนปิดช่องว่าง และพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพ

วันที่ 1 เมษายน 2559 ที่ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้จัดประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติ ครั้งที่ 10 ประจำปี พ.ศ. 2559 ภายใต้หัวข้อ ""เคลื่อนวงล้อคุณภาพการแพทย์ฉุกเฉินไทย" เป็นวันสุดท้าย โดย นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล และเสนอแนะความคิดเห็นเพื่อร่วมกันพัฒนา ขับเคลื่อนวงล้อระบบการแพทย์ฉุกเฉินของไทยให้มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสถิติการออกปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินกว่า 1.4 ล้านครั้ง และในอนาคตคาดว่าจะมีแนวโน้มการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้เราต้องเร่งพัฒนาระบบให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และครอบคลุม

"ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้ร่วมกันทำงานเป็นอย่างดี ร่วมกันปรับปรุงคุณภาพ และฝึกอบรมอย่างหนัก ซึ่งบางครั้งการช่วยเหลือผู้ป่วยและส่งต่อผู้ป่วยก็ทำได้ลำบาก ทั้งต้องเคลื่อนย้ายผ่านรถ ส่งต่อผ่านเรือหรือเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากบางพื้นที่เข้าถึงลำบาก มีระยะทางที่ห่างไกล แต่ทีมผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินก็ไม่เคยย่อท้อ บางครั้งคิดถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยมากกว่าตนเอง ทำให้เราสามารถปิดช่องว่างในระบบการแพทย์ฉุกเฉินไปได้มาก ซึ่งตนเองขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินไทยให้ปลอดภัย และเสียสละอย่างถึงที่สุดบนพื้นฐานความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน " นพ.อนุชากล่าว

อย่างไรก็ตามก่อนปิดการประชุม ผู้ปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉิน ได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการพัฒนาคุณภาพ การแพทย์ฉุกเฉินไทยต่อรัฐบาลผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 5 ข้อ ดังนี้ 1.ต้องกำหนดนโยบายให้มีหลักสูตรการเรียนการสอน การปฐมพยาบาล และการช่วยฟื้นคืนชีพ ในหลักสูตรการเรียนทุกระดับ 2.กำหนดให้มีหมายเลขฉุกเฉินเบอร์เดียว และเร่งรัดการพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทุกจังหวัด 3.กำหนดมาตรการรถพยาบาลปลอดภัย โดยกำหนดให้รถพยาบาลมีคุณลักษณะด้านความปลอดภัย และพนักงานขับรถผ่านการสอบใบขับขี่รถพยาบาลโดยเฉพาะ 4.กำหนดนโยบายการพัฒนาระบบฐานข้อมูล เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ที่เชื่อมโยงภาคีเครือข่าย ทั้งระบบ และ 5 ปรับปรุงแก้ไขระเบียบ ข้อกฎหมายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เอื้อต่อการดำเนินการ และการบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉิน

ขณะที่ แพทย์หญิงมยุรา กุสุมภ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข จะรับข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณา ซึ่งทุกภาคส่วนเองก็ต้องร่วมมือกันเพื่อผลักดันระบบการแพทย์ฉุกเฉินไทยให้ก้าวหน้าด้วย อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญที่สุด คือ เรื่องความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ความปลอดภัยของรถพยาบาล เพื่อให้สามารถส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกนโยบายเพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุ และให้ทุกหน่วยงาน โรงพยาบาลต่างๆ นำไปเป็นแนวทางในปฏิบัติ คือ 1 บุคลากรทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรม โดยเฉพาะพนักงานขับรถพยาบาล และที่สำคัญอยากให้พนักงานทุกคนได้ทดลองมานอนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย เพื่อให้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริง เพื่อให้บริการอย่างเหมาะสม และคำนึกถึงความปลอดภัยมากที่สุด 2. สนับสนุนให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในรถพยาบาล ทั้งการติดตั้งกล้องซีซีทีวี การติดจีพีเอส เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการ และ 3.เน้นย้ำเสมอว่าการขับรถเร็วไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ผู้ป่วยปลอดภัยที่สุด เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารมีความก้าวหน้ามากขึ้น ดังนั้นขณะส่งต่อผู้ป่วย หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถสื่อสาร ปรึกษาอาการผู้ป่วยกับศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการได้ และยังสามารถประสานการเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมด้วย ซึ่งดีกว่ารีบไปถึง ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม และแนวทางนี้จะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือไม่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องเสี่ยงไปด้วย โดยเบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบายให้ขับรถพยาบาลได้ไม่เกิน 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่สำคัญต้องปฏิบัติตามกฎจราจรทุกครั้ง ไม่จำเป็นก็ไม่ควรฝ่าไฟแดง

"ส่วนตัวขอชื่นชมผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่เสียสละ และร่วมแรงร่วมใจในการทำงาน โดยผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินทุกคนถือเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญมาก ดังนั้นหากทำงานด้วยความปลอดภัย ก็จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินให้มีความปลอดภัยต่อไปด้วย" พญ.มยุรา กล่าว

นอกจากนี้การประชุมวิชาการครั้งนี้ยังมีการมอบรางวัลให้บุคลากรทางการแพทย์ฉุกเฉินที่เสียสละ อาทิ นางศรีกัญญา เชื้อรถ พยาบาลวิชาชีพที่ช่วยชีวิตนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันขณะประสบอุบัติเหตุ , นายแพทย์ศุภฤทธิ ศิลรัตน์ แพทย์ที่เชิญชวนให้ความสำคัญกับการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR และแนะนำให้ทุกคนมาร่วมกันฝึกโดยไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์หรือพยาบาล และการมอบรางวัลให้กับผู้ปฏิบัติงานที่เสียสละ และต้องเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ด้วย นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลให้กับบุคคลและหน่วยงานดีเด่นในการปฏิบัติงานและวิชาการด้านการแพทย์ฉุกเฉินอีกกว่า 100 รางวัล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๔ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๑๒:๑๒ การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๑๒:๔๔ DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๑๒:๑๐ JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๑๒:๒๓ นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๑๒:๕๗ Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๑๒:๒๘ โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๑๒:๑๐ STEAM Creative Math Competition
๑๒:๔๔ A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๑๒:๔๗ ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้