ดร. เลสลี่ บรอน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่าสถาบันวิจัย แบลคมอร์สก่อตั้งขึ้น เพื่อค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการของการแพทย์แบบผสมผสานร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน จากการศึกษาพบว่าการแพทย์แบบผสมผสานเป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการดูแลสุขภาพ เพราะเป็นการค้นคว้าวิจัยสมุนไพรต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาเป็นวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อประโยชน์ของ ผู้รักสุขภาพ และนอกจากนี้ยังนำผลการศึกษาวิจัยของสถาบันฯไปเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจ และสามารถประยุกต์ใช้ในการดูแลตัวเองได้ ยกตัวอย่างเช่น สารอาหารโอเมก้า-3 ที่ได้มาจากปลาทะเลน้ำลึก เป็นสารอาหารที่เหมาะสำหรับคนทุกวัยเริ่มตั้งแต่สตรีตั้งครรภ์ เด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ การได้รับโอเมก้า -3 จะส่งผลดีต่อสมองของทารกในครรภ์ วัยเด็กจะส่งผลดีกับการเรียนรู้และพัฒนาการ ส่วนในกลุ่มคนทั่วไป จะส่งผลต่อสุขภาพหัวใจ สมอง ระบบประสาท รวมไปถึงดวงตา ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาดวงตาแห้งได้อีกด้วย ทั้งนี้ กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำมันปลา จะมีการเติมวิตามิน อี เพื่อช่วยคงคุณภาพมาตรฐานของน้ำมันปลาไปจนถึงมือผู้บริโภค
ภญ.ดร. ศิริรัตน์ ตันปิชาติ นายกสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การแพทย์แบบผสมผสานเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพด้วยตนเอง และหนึ่งในวิธีการที่ผู้รักสุขภาพสนใจคือการเลือกรับประทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นตัวช่วยในการป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น หากเกิดอาการเป็นหวัดก็ต้องเสริมด้วยวิตามินซี ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีในการหาความรู้เรื่องต่างๆมีความสะดวกและรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลในการดูแลตัวเองและเข้ามาขอคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากขึ้น ซึ่งไม่ได้ปรึกษาเฉพาะเรื่องความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นเรื่องของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมด้วยเช่นกัน ดังนั้นบทบาทของเภสัชกรที่ปฏิบัติงานอยู่ในร้านขายยาจะเพิ่มมากขึ้น เพราะจะเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน การที่สถาบันวิจัยแบลคมอร์ส นำองค์ความรู้ใหม่ๆมาถ่ายทอดก็จะทำให้เภสัชกรของไทย มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากขึ้น เพราะมีข้อมูลด้านงานวิจัยมาสนับสนุนและน่าเชื่อถือ
อนึ่ง สำหรับเภสัชกรและบุคลากรทางการแพทย์ ที่สนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการแพทย์แบบผสมผสาน สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.blackmoresinstitute.org ซึ่งมีบริการทั้งภาษาไทย ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ