สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร 1669

พฤหัส ๐๕ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๓:๐๖
สพฉ. วอนประชาชนอย่าโทรป่วนสายด่วนฉุกเฉิน หลังที่ผ่านมาที่อุบลราชธานีถูกโทรป่วนวันเดียวกว่าครึ่งร้อยสาย // ย้ำหากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับมือประชาชนเดินทางกลับมาทำงาน

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 จังหวัดอุบลราชธานี เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชายคนหนึ่งที่โทรศัพท์เข้ามาก่อกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวม 51 ครั้ง ซึ่งถือเป็นการตัดโอกาสผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากนั้น

ล่าสุดนายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า สพฉ.อยากรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการใช้สายด่วนฉุกเฉิน และจดจำหมายเลข 1669 ไว้ให้ดี เพราะถือเป็นสายด่วนช่วยชีวิต โดยข้อควรรู้ สำหรับประชาชนที่จะโทรแจ้งสายด่วน คือ 1.เมื่อพบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินให้ตั้งสติและโทรแจ้งสายด่วน 1669 // 2.ให้ข้อมูลว่าเกิดเหตุอะไรมีผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บในลักษณะใด // 3.บอกสถานที่เกิดเหตุเส้นทางจุดเกิดเหตุให้ชัดเจน // 4.บอกเพศ ช่วงอายุ อาการ จำนวน ผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ // 5.บอกระดับความรู้สึกตัวของ ผู้ป่วย // 6.บอกความเสี่ยงที่อาจเกิดซ้ำ เช่น อยู่กลางถนนหรือรถติดแก๊ส // 7.บอกชื่อผู้แจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ // 8.ช่วยเหลือเบื้องต้นตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ // 9.รอทีมกู้ชีพไปรับผู้ป่วยเพื่อนำส่งโรงพยาบาล

"อยากขอร้องไม่ให้โทรป่วนสายด่วน อย่าเห็นเป็นเพียงเรื่องสนุก เพราะหลายๆ ครั้งทำให้เรา ต้องสูญเสียผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งอยากเตือนผู้ที่โทรป่วนว่ามีความผิดตามกฎหมาย คือ ตามมาตรา 38 พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน 2551 ผู้ใดใช้ระบบสื่อสารและเทคโนโลยีที่จัดไว้สำหรับการปฏิบัติการฉุกเฉินโดยประการที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่การปฏิบัติการฉุกเฉิน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท รวมทั้ง มาตรา 397 ตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และนอกจากเป็นห่วงเรื่องการโทรป่วนแล้ว ยังเป็นห่วงเรื่องโทรผิดหมายเลข เพราะจะทำให้การช่วยเหลือล่าช้าลงไปอีก ซึ่งจากสถิติพบว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ประชาชนโทรไปที่เบอร์อื่นก่อน หรือแจ้งผ่านวิทยุสื่อสาร ถึงร้อยละ 26 " นพ.อนุชากล่าว

นพ.อนุชา ยังกล่าวต่อถึงการเตรียมพร้อมรับประชาชนเดินทางกลับมาทำงาน ในช่วงวันที่ 3 มกราคม ซึ่งเป็นวันหยุดสุดท้าย ว่า ได้เตรียมพร้อมทางด้านการแพทย์ฉุกเฉินไว้แล้ว เพราะทราบดีว่าปริมาณใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงกว่าช่วงปกติถึง 2 เท่าตัว โดยได้ประสานทีมกู้ชีพให้เตรียมรับมือ พร้อมตรวจเช็คความพร้อมของสายด่วนให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นหากประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วน 1669 บริการฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest