หมอชี้ “นั่งจนชิน” เสี่ยงเป็นโรคร้าย

พฤหัส ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๙ ๑๐:๒๕
หมอชี้หนุ่มสาวออฟฟิศระวังนั่งผิดท่านานจนเคยชิน ส่งผลเสียต่อโครงสร้างกระดูกสันหลังและระบบประสาท ทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นกระดูกคด กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัญหาด้านการขับถ่าย รุนแรงจนถึงระดับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท "หมอเปิ่น" ผู้บรรยายความรู้ด้านไคโรแพรคติกแนะปรับพฤติกรรมใช้ชีวิต นั่งให้ถูกวิธี ลุกเดินบ่อยๆ พร้อมออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายระยะยาว

ดร.เสถียร สว่างโลก หรือ หมอเปิ่น ผู้บรรยายความรู้ด้านไคโรแพรคติก คลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์สว่างโลก ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ กล่าวว่า "ปัจจุบันหนุ่มสาวออฟฟิศหันมาให้ความสนใจและใช้วิธีการรักษาสุขภาพด้วยศาสตร์ "ไคโรแพรคติก" (Chiropractic) เพิ่มมากขึ้น และจากการสำรวจกลุ่มผู้ป่วยที่มารับการรักษาพบว่าอาการส่วนใหญ่จะปวดตั้งแต่ต้นคอ กลางหลัง ไปจนถึงสะโพก รวมถึงการปวดศีรษะ และมีเสียงสะท้อนในหู ซึ่งสาเหตุมาจากพฤติกรรมการนั่งในรูปแบบต่างๆ ที่ผิดหลักซ้ำจนเกิดความเคยชินและไม่รู้ตัว

เริ่มจากพฤติกรรมการนั่งยอดฮิต คือ "นั่งทำงาน" โดยเฉพาะในกลุ่มมนุษย์ออฟฟิศที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์วันละไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมง ไม่นับรวมการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งอาการส่วนใหญ่ที่พบ คือ การปวดบริเวณคอและบ่า เนื่องจากการก้มหน้ามองจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าสายตา รวมถึงการใช้กำลังแขนในการพิมพ์งาน บางรายมีอาการปวดร้าวไปจนถึงบริเวณหลังและสะโพก เพราะเวลาที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะทำให้ร่างกายเกิดการเกร็งกล้ามเนื้อลำตัว และทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไปที่บริเวณสะโพก

การแก้ไขเบื้องต้น คือ การปรับเปลี่ยนวิธีการนั่งใหม่ โดยนั่งให้สุดเก้าอี้ ไม่ควรนั่งเพียงแค่ปลายเก้าอี้ ใช้หมอนรองบริเวณหลังตรงสะโพก ปรับระดับคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา สังเกตเวลาพิมพ์งานจะต้องไม่ก้มหน้า และที่สำคัญคือ ทุกๆ 1 ชั่วโมง จะต้องลุกขึ้นเดินไปมา 3-5 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้ทำงาน

ส่วนพฤติกรรมต่อมาเป็นกิริยายอดฮิตของสาวๆ คือ "นั่งไขว่ห้าง" เพราะหลายคนคิดว่าการนั่งในลักษณะนี้จะทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี แต่หากนั่งเป็นเวลานานจะทำให้น้ำหนักลำตัวเทไปที่ก้นข้างใดข้างหนึ่ง ส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณเอว หลัง และเข่า โดยไม่รู้ตัว บางรายเกิดอาการหน้ามืดเวลาลุกขึ้นยืน เพราะเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาทั้งสองถูกบีบเอาไว้ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หัวใจทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ อีกทั้ง หากนั่งไขว่ห้างจนติดเป็นนิสัย จะส่งผลเสียต่อกระดูกเชิงกรานคดผิดรูป ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งด้วยท่าดังกล่าว และควรนั่งให้ถูกวิธี คือ นั่งลำตัวตรง ขาทั้งสองข้างชิดกันพอหลวมๆ และปรับเก้าอี้นั่งให้หัวเข่าอยู่ต่ำกว่าเอวเล็กน้อย

"นั่งเท้าคาง" ก็เป็นอีกหนึ่งกิริยาที่สาวๆ ส่วนใหญ่ชอบทำเป็นประจำระหว่างนั่งคิดงาน หรือนั่งพักสายตา แต่รู้หรือไม่การนั่งเท้าคางเป็นประจำมีโทษร้ายแรงต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะมือที่เท้าคางจะไปดันกระดูกบริเวณหน้า ทำให้กรามเบี้ยวไปโดนเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน รวมถึงการได้ยินเสียงวิ๊งๆ ในหูตลอดเวลา สาวๆ จึงควรต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของตัวเองให้ดีและปรับเปลี่ยนอย่างเร่งด่วน ด้วยวิธีง่ายๆ คือ เวลาคิดงานเปลี่ยนจากการคิดในสมอง มาใช้วิธีการจดลงบนสมุด เพราะจะทำให้เราใช้มือเขียนแทนการเท้าคาง หรือหากต้องการพักสายตา ให้เอนศีรษะไปที่พนักเก้าอี้แทน ซึ่งนอกจากจะช่วยหลีกเลี่ยงการเท้าคางแล้วยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวรคอจากการก้มหน้าทำงานได้อีกด้วย

สำหรับคุณผู้ชายที่ชอบเอากระเป๋าสตางค์เหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง และ "นั่งทับกระเป๋าสตางค์" เป็นประจำจนเกิดความเคยชินก็เป็นการทำร้ายร่างกายเช่นกัน เพราะกระเป๋าสตางค์ที่นั่งทับจะทำให้การนั่งไม่สมบูรณ์ การรับน้ำหนักลำตัวของก้นทั้งสองข้างไม่เท่ากัน จึงทำให้กระดูกบริเวณสันหลังและสะโพกเคลื่อนตัวไปรบกวนเส้นประสาท ส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะภายใน บริเวณช่วงล่าง ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ อาทิ ท้องผูก กระเพาะปัสสาวะอักเสบ การเสื่อมของระบบสืบพันธุ์ ลำไส้อุดตัน ร้ายแรงถึงการเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นต้น วิธีการแก้ไขง่ายๆ คือ ถือกระเป๋าสตางค์แทนการเอาใส่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง อาจจะมาวางบนโต๊ะ เอาไว้ในลิ้นชักที่ปลอดภัย หรือพกเพียงเงินและบัตรต่างๆ เฉพาะที่จำเป็น ใส่ในกระเป๋าเสื้อแทน

ทั้งนี้ ดร.เสถียร ยังกล่าวต่อว่า "วิธีการรักษาอาการปวดเมื่อยเรื้อรังต่างๆ ที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกหลักโครงสร้างของร่างกาย และควรยึดหลักการเดินให้มากกว่านั่ง หาเวลาออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ เล่นโยคะ เพื่อให้ทุกสัดส่วนของร่างกายได้ขยับเคลื่อนไหว ส่วนใครที่เริ่มมีอาการปวดเมื่อยแล้วก็ควรรักษาทันทีอย่าปล่อยไว้ สำหรับศาสตร์ "ไคโรแพรคติค" เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรอนามัยโลก เป็นศาสตร์ของการจัดปรับข้อกระดูกด้วยมือ เพื่อช่วยให้ข้อกระดูกมีการเคลื่อนตัวได้ดี ไม่ไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท และช่วยดูว่าระบบส่วนไหนที่ผิดปกติก็จะช่วยปรับให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม"

ใครที่กำลังมีอาการเจ็บปวดเมื่อยเรื้อรังตามร่างกาย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงลองแวะไปขอคำปรึกษากับหมอเปิ่น ได้ที่ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ เปิดให้บริการทุกวัน โทรสอบถามรายละเอียด 02-108-6000

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4