“ในเมืองนอกนั้นมีใช้มานานกว่าสิบปีแล้ว แต่ในเมืองไทยเพิ่งจะมีการใช้งานกันมากซัก 3-4 ปีมานี้ครับ ทั้งป้ายขนาดใหญ่แบบ LED ที่อยู่กลางแจ้ง และป้ายขนาดเล็กที่ใช้จอมอนิเตอร์หรือจอ LCD ขนาด 40 นิ้วขึ้นไป ซึ่งความสะดวกอยู่ที่ระบบการอัพเดทข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จากจุดเดียว ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องคอยเอาคนขึ้นไปเปลี่ยนทีละป้ายซึ่งเปลืองค่าใช้จ่ายมากกว่า”
ในส่วนของการนำไปใช้งานนั้น เสถียรให้ความเห็นว่า ถ้าเป็นป้ายประเภทจอ LCD ส่วนใหญ่แล้วจะนำไปใช้เป็นป้ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ภายในมากกว่า เช่นติดหน้าลิฟต์ หรือตามทางเดินในโรงแรม โรงเรียน โรงพยาบาล เพื่อส่งภาพหรือข้อความประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ชมได้อย่างทันที เช่นข่าวสาร ตารางการประชุม โปรโมชั่น scoop ที่น่าสนใจ ฯลฯ เพื่อทดแทนป้ายกระดาษหรืออิงค์เจ็ท กล่องไฟ ที่สิ้นเปลืองกว่าในระยะยาว ทั้งค่าอุปกรณ์และค่าแรง
อย่างไรก็ตามในส่วนของการใช้งานเพื่อการโฆษณาสินค้า (Advertising Base) นั้น เสถียรให้ความเห็นอย่างน่าสนใจว่า “ในเมืองไทยเอง ยังมองป้ายแบบนี้ เหมือนกับทีวีทั่วไป ต้องเล่นภาพยนตร์โฆษณาแบบเดียวกับที่ออกอากาศในทีวีเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้ว โฆษณาบนป้าย กับโฆษณาในทีวี ลักษณะเนื้อหาและวิธีนำเสนอต้องแตกต่างกัน โฆษณาทีวีมีทั้งภาพและเสียงชัดเจน ผู้ชมนั่งอยู่ที่บ้าน มีเวลาอยู่นิ่งๆนาน ไม่มีอะไรมาดึงความสนใจ แต่ป้ายดิจิตอลที่เป็น out of home นั้นมีความแตกต่าง ซึ่งการจะทำให้เนื้อหาดูน่าสนใจนั้นต้องใช้ศิลปะการสื่อสารอีกแบบหนึ่ง ขนาดจอ ตำแหน่งที่ติดตั้ง รูปแบบการติดตั้ง ความละเอียดของภาพ การใช้สี การใช้ตัวอักษร trafficของผู้ชม สภาพแวดล้อมบริเวณนั้น มีผลทั้งนั้น แต่ผู้โฆษณาในเมืองไทยยังยึดติดกับการนำเสนอแบบโฆษณาทีวีอยู่ อาจะเป็นเพราะว่าเอเจนซี่ขายง่าย อธิบายง่าย และประหยัดค่าทำ production ใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลเสียต่อการใช้งานของ digital signage เพื่อการโฆษณาอย่างยิ่ง เพราะถ้ามากเกินไปผู้ชมก็เกิดความเบื่อหน่าย เพราะเจอโฆษณาที่บ้าน แล้วออกมาข้างนอกก็เจอเหมือนกันอีก”
นอกจากนี้เสถียรยังกล่าวเสริมอีกว่า “ในเมืองนอกเอง บางทีใช้จอ 2-3 จอติดเบี้ยวๆ สร้างแค่ภาพกราฟฟิคเก๋ๆ วิ่งไปวิ่งมา หรือมี gimmick ให้เข้ากับสถานการณ์ หรือสถานที่นั้นๆ ตบท้ายด้วยโลโก้สินค้า ทั้งหมดแค่ 10 วินาที คนก็จดจำได้แล้ว แต่เมืองไทยยังเน้นว่า ต้องโฆษณาแบบในทีวีเท่านั้น ซึ่งผมเชื่อว่าไอเดียคนไทยเก่งๆมีอีกเยอะ แต่ว่าสื่อแบบนี้อาจจะยังใหม่สำหรับการบริหารจัดการในเมืองไทยอยู่”
“สำหรับระบบที่ ดีแมสเทค มีอยู่ตอนนี้ก็เรียกว่าครอบคลุมในส่วนของ digital signage solution ทั้งหมด ลูกค้ามีโจทย์แปลกๆมาเราก็คิดและทำให้ได้ ส่วน solution เราก็ระดับโลก เพราะเราเป็นตัวแทนของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทอันดับหนึ่งด้าน digital signage ในไต้หวัน และใช้งานมาแล้วมากกว่า 65 ประเทศทั่วโลก ส่วนในเมืองไทยของเราก็มีไซต์งานทั้ง โรงเรียน สถานที่ราชการ โรงงาน โรงแรม อาคารสำนักงานหลายแห่ง และล่าสุดก็ร้าน ไอโมบายทั่วประเทศ มิสเตอร์โดนัท เนคเทค และอีกหลายแห่ง”
บริษัท ดีแมสเทค จำกัด 02-7195581
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 081-7195581 ดีแมสเทค