เซ็นทรัลรีเทลเดินหน้าโครงการใหญ่ มั่นใจอนาคตเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ ลั่นเตรียมเปิดห้างเซ็นทรัล เสิ่นหยาง

พฤหัส ๑๒ มีนาคม ๒๐๐๙ ๑๕:๑๖
ซีอีโอ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดแถลงข่าว Central Retail’s CEO Update 2009 เผยผลประกอบการปี 51 เติบโต 5.7% ใช้เงินลงทุนไปกว่า 4,100 ล้านบาทขยายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าปี 52 จะสามารถเติบโตได้ถึง 10-15% หากเศรษฐกิจฟื้นตัว

ทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยในงานแถลงข่าว “Central Retail’s CEO Update 2009” ว่า “ในปีที่ผ่านมาผลประกอบการถือว่าเป็นที่น่าพอใจมีอัตราการเติบโตอยู่ 5.7% โดยบริษัทในเครือที่มีการเติบโตสูงสุดได้แก่ โรบินสัน 10% และ Office Depot 87% ซึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการ Makro Office สำหรับปี พ.ศ. 2552 ยังถือว่าเป็นปีที่ดีของกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลรีเทล เนื่องจากการเปิดสาขาใหม่ในปีก่อน อย่าง โฮมเวิร์ค ภูเก็ต ห้างเซ็นทรัล สาขาแจ้งวัฒนะ ซึ่งสาขาแจ้งวัฒนะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

สำหรับปี 2552 นี้ ยังมีสาขาเปิดอีก อาทิ เซ็นทรัล พัทยา ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อ 23 มกราคมที่ผ่านมา และสามารถทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก โรบินสัน สาขาชลบุรี และขอนแก่นมีแผนจะเปิดในเดือนพฤษภาคมและธันวาคม ปีนี้ รวมถึง China World ที่ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา”

การลงทุนในปี 2552 บริษัทฯ วางงบลงทุนไว้ 9,200 ล้านบาท จะใช้ในการขยายธุรกิจที่ต่อเนื่อง อาทิ โครงการโรบินสัน ขอนแก่น ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ ภูมิใจมากเพราะจะเป็นต้นแบบสำคัญของ โรบินสันในต่างจังหวัด ทั้งยังมีโรบินสัน ชลบุรี และโครงการรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลแห่งใหม่ บนถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้รวมโฮมเวิร์ค และท็อปส์ ในที่เดียวกัน โดยงบประมาณการเปิดสาขาใหม่ทั้งหมดในปีนี้ เราวางไว้ที่ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้จัดงบ 1,300 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงสาขาเดิมจำนวน 6 สาขาหลักให้ทันสมัย ที่ห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว ซึ่งหากได้รับการแปลงโฉมแล้วจะกลายเป็นห้างสรรพสินค้าที่โดดเด่นที่สุดในย่านพหลโยธิน รวมถึงห้างเซ็นทรัล สาขาปิ่นเกล้า โดยจะมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติมด้านบนและแปลงโฉมภายในทั้งหมด นอกจากนี้ ห้างเซ็นทรัล บางนา และภูเก็ต รวมทั้งโรบินสันสาขาหาดใหญ่และศรีราชาจะได้รับการแปลงโฉมเช่นกัน ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2552 นี้ บริษัทฯจะมีสาขาเป็น 442 สาขา จากเดิม 378 สาขาในปีก่อน

ทางด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทฯ ได้สำรองงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อจัดหาซอฟท์แวร์ที่ทันสมัยรองรับการขยายตัวของธุรกิจในส่วนการจัดซื้อและซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการควบรวบกิจการของ Office Depot และ Makro Office ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯจึงได้มีการกำหนดนโยบายการลงทุนและขยายธุรกิจโดยการควบรวมหรือซื้อกิจการ โดยจัดตั้งและขยายทีมงานในด้านนี้เพิ่ม ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3,000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจาก บริษัทฯ เห็นว่าการขยายกิจการในลักษณะนี้จะเป็นกลยุทธ์ที่เพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ ได้อย่างมาก

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด อนุมัติงบประมาณซื้อหุ้นโรบินสันคืน 10% ของทุนจดทะเบียน 111 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินประมาณ 530 ล้านบาท โดยทยอยซื้อคืนไปจนถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้

การลงทุนในประเทศจีนยังคงดำเนินต่อไป โดยห้างเซ็นทรัลหรือ “ซ่างไท่” ชื่อที่ใช้ในจีนอย่างเป็นทางการ มีแผนเปิดสาขาที่ 2 ในเมืองเสิ่นหยางต่อจากสาขาหังโจว ซึ่งสำหรับสาขาหังโจว ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด และมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม ปี 2553 ส่วนสาขาที่ 2 ที่เสิ่นหยาง จะเปิดให้บริการในต้นปี 2554 ทั้งนี้ ห้างเซ็นทรัลสาขาเสิ่นหยางเป็นโครงการที่อยู่ภายในศูนย์การค้ามิกซ์ซี มีพื้นที่ 27,000 ตารางเมตร ทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เงินลงทุน 700 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะนำแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ไปประยุกต์เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าในจีน อีกทั้งนำสินค้าไทยไปจำหน่าย เพื่อแสดงศักยภาพของธุรกิจไทย

ในปีนี้ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล ยังดำเนินงานในส่วนของการพัฒนาระบบซัพพลายเชนทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดการคลังสินค้า รวมถึงการรับส่งข้อมูลทางอิเล็คทรอนิค (EDI) และการสร้างระบบการจัดการภายในศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมย้ายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งถือเป็นจุดกระจายสินค้าที่ดี สำหรับรองรับการเจริญเติบโตของกลุ่มบริษัทค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลรีเทล ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้จะมีพื้นที่รวม 12,000 ตารางเมตร และจะเป็นการรวมกันของ 2 ศูนย์กระจายสินค้าเดิมที่สะพานกรุงเทพฯและสุขสวัสดิ์ โดยคลังสินค้าใหม่นี้ จะมีการนำเทคโนโลยี ระบบการบริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System : WMS) เข้ามาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านการจัดเก็บและกระจายสินค้า รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับคู่ค้าในการส่งสินค้าผ่านศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้

แผนการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ “The 1 Card” และ “Spot Reward Card” เป็นกลยุทธ์สำคัญของบริษัทฯ ในการครองใจลูกค้าสมาชิก ที่ขณะมีกว่า 2 ล้านสมาชิก สำหรับ The1Card และ 4 ล้านสมาชิกสำหรับ SPOT Reward Card ซึ่งปัจจุบันมียอดขายผ่านบัตร ประมาณ 80% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งหวังใช้แผนไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งเจาะเข้าหาลูกค้าโดยตรง เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้ได้ตรงตามความต้องการ รวมทั้งเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายจัดซื้อและซัพพลายเออร์ในการสรรหาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯจะโยกงบ 5-20% ของงบการตลาดในการทำแมสมาร์เก็ตติ้งมาใช้ในการทำแผนไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง

บริษัทฯ มีแผนรับพนักงานเข้าใหม่ ในปี 2552 จำนวนเกือบ 10,000 ตำแหน่ง ซึ่งการลงทุนโครงการใหม่ของเราในปีนี้ จะช่วยให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,400 ตำแหน่ง ส่วนอีก 6,500 ตำแหน่ง จะเป็นการเปิดรับสำหรับสาขาปัจจุบันที่อาจจะว่างลง สำหรับระดับผู้จัดการ บริษัทฯ ยังต้องการรับสมัครอยู่ตลอด และมีอัตราการจ้างที่วางไว้ประมาณ 100 ตำแหน่ง ที่จะรับเข้ามาเพื่อพัฒนาให้เติบโตไปกับบริษัทฯ ส่วนในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (พย.51-กพ.52) เรารับพนักงานใหม่ทั้งระดับพนักงานและระดับบริหาร รวมเกือบ 2,000 คน

บริษัทฯ มีนโยบายที่จะเพิ่มรายได้ให้กับพนักงาน โดยการเพิ่มพูนขีดความสามารถของพนักงานให้มีผลงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่รายได้เฉลี่ยของพนักงานเพิ่มขึ้นปีละ 10%

การจัดการทรัพยากรบุคคลของบริษัทจะดำเนินการสรรหาไปพร้อมกับการสรรสร้าง โดยบริษัทจะมีอบรมองค์ความรู้ค้าปลีกให้กับพนักงานอย่าง “การศึกษาระบบทวิภาคี” และมีเครื่องมือตรวจสอบค่าความพึงพอใจของพนักงานในองค์กร “Power of Voice” ปัจจุบันบริษัทฯ มีค่าเฉลี่ย 75 percentile ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ world class หากเปรียบเทียบกับมาตรฐานโลก ปัจจุบัน เซ็นทรัลรีเทลมี พนักงานประจำในประเทศจีนแล้วทั้งสิ้น 30 คน คาดว่าสิ้นปี 2552 จะมีทั้งสิ้นเกือบ 80 คน

ทศ จิราธิวัฒน์ กล่าวสรุปว่า “ การบริหารงานของบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัดต้องมีแผนการทั้งลงทุนขยายงานและพัฒนาระบบ รวมถึงพนักงานไปพร้อมๆกันเพื่อให้เกิดศักยภาพการแข่งขันสูงสุด และเป็นองค์กรที่ทุกคนอยากร่วมงานกับเรา และมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยยังสามารถฟื้นตัวได้เร็ว”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด โทร. 02 100 9785-7 แฟกซ์ 02 100 9777

โยธิน ธรรมจำรัส (โย) 02 100 9781 ประภาพร นามวงศ์ (น้องเล็ก) 085 911 2133

ภัทรวรรณ ราตรีสวัสดิ์ (โอ๊ต) 086 789 7404 กฤตยาวีร์ สุมาลี (วี) 085 911 2134

เมธินี ชาญวลิชล (เมย์) 081 296 1834 นัทธมน สุวรรณจินดา (แอน) 089 121 2663

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑:๓๘ โอซีซี มอบฝาขวดน้ำ เพื่อทำเก้าอี้ให้น้อง ๆ ในโรงเรียนขาดแคลน
๑๑:๑๘ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดศูนย์ทดสอบหลักสูตร CISA ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
๑๑:๓๕ 'ราชบุรี มีลาย' อนุรักษ์มรดกแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ชูอัตลักษณ์ 'ลายผ้าราชาบุรี (กาบโอ่งนกคู่) รองผู้ว่าฯ เมืองโอ่ง
๑๑:๕๓ พีทีที สเตชั่น ร่วมกับ ทิพยประกันภัย มอบความสะดวกและรวดเร็ว ซื้อประกันภัยผ่าน QR Code
๑๑:๐๙ FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
๑๐:๑๙ รมว.อว. เป็นประธานเปิดบูธนิทรรศการผลงาน @ Thai Pavilion พร้อมให้กำลังใจนักประดิษฐ์ไทย นำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์นานาชาติเจนีวา ครั้งที่
๑๐:๔๖ BRIDGESTONE TURANZA T005 EV ยางพรีเมียมสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เหนือระดับด้วยเทคโนโลยี ENLITEN(R)ได้รับเลือกเป็นยางล้อมาตรฐานติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ MG4 XPOWER
๐๙:๑๔ อพท. เปิดรับสมัคร สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน เพื่อพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ชิงเงินรางวัลกว่า 130,000
๐๙:๔๑ หนังสือ Royal Thai Cuisine ตำรับอาหารไทยชาววัง วิทยาลัยดุสิตธานี
๑๘ เม.ย. เด็ก ม.กรุงเทพ ยกทีม คว้าชนะเลิศครีเอทคลิปสั้นได้ใจฟูมาก