โดยหาข้อมูลต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ พร้อมขอแนะนำหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกใช้บริการรถโรงเรียน ดังนี้
นโยบายการให้บริการของโรงเรียน โดยดูว่าเคยมีประวัติเสียหายหรือไม่ เช่น การประสบอุบัติเหตุความประพฤติของพนักงานขับรถ เป็นต้น มีกระบวนการคัดเลือกพนักงานขับรถและผู้ดูแลประจำรถที่เข้มงวดและมีมาตรฐาน ตลอดจนการจัดอบรมเบื้องต้นเกี่ยวกับวินัยจราจร การช่วยเหลือเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ให้บริการ ควรเลือกใช้บริการรถโรงเรียนที่ทางโรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง โดยทำสัญญาอย่างถูกต้องระหว่างโรงเรียนและบุคคลหรือบริษัทที่ให้บริการ และมีการทำประกันชีวิตของผู้โดยสารและบุคคลที่สามด้วย พนักงานขับรถ ควรมีความประพฤติดี พูดจาสุภาพ มีประสบการณ์ในการขับรถไม่ต่ำกว่า 3 ปี ไม่เคยมีประวัติการประสบอุบัติเหตุรุนแรง มีความรู้ด้านวินัยจราจรและการแก้ไขปัญหากรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างถูกวิธีมีใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะ รวมทั้งผ่านการอบรมหลักสูตรพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะตามหลักเกณฑ์ของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ผู้ดูแลประจำรถโรงเรียน ควรจัดให้มีผู้ดูแลประจำรถตลอดเวลา โดยผู้ดูแลประจำรถต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า18 ปี และผ่านการอบรมตามเกณฑ์ที่กำหนด อีกทั้งมีความรู้ในด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นได้อย่างถูกวิธี สภาพรถ รถที่ให้บริการจะต้องอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีทั้งภายนอกและภายใน ไม่มีการดัดแปลงสภาพรถหรือนำรถมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ไม่บรรทุกคนจนเกินน้ำหนัก มีอุปกรณ์นิรภัยที่จำเป็นต่างๆประจำรถอย่างครบครัน เช่น ถังดับเพลิงเคมี เหล็กชะแลง ค้อนทุบกระจก เครื่องมือปฐมพยาบาล ฯลฯ มีเครื่องหมายหรือแผ่นป้ายคำว่า "รถโรงเรียน" ติดไว้ที่ด้านหน้าและหลังรถ ในขนาดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร
สำหรับการโดยสารรถโรงเรียน ผู้ปกครองควรสอนวิธีโดยสารรถโรงเรียนที่ถูกต้องแก่เด็กดังนี้ การรอรถรับ-ส่ง ควรรอรถในจุดที่จัดไว้เท่านั้น เช่น ป้ายรถประจำทางหรือจุดที่อนุญาตให้จอดรถ จะปลอดภัยมากกว่า
การขึ้นรถ ไม่ควรหยอกล้อเล่นกัน และเดินขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ ไม่ควรแย่งกันขึ้นรถ เพราะอาจถูกเบียดจนตกรถได้ อีกทั้งห้ามใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอันขาด เพราะหากคนขับรถเบรกรถกะทันหัน อาจเสียหลักพลัดตกจากรถถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขณะอยู่บนรถโดยสาร ให้นั่งอยู่กับที่ อย่าหยอกล้อเล่นภายในรถ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุจะก่อให้เกิดอันตรายมากขึ้น และไม่ส่งเสียงดังเพราะอาจรบกวนสมาธิของพนักงานขับรถ อีกทั้งไม่ยื่นศีรษะหรืออวัยวะใดๆ ออกนอกตัวรถ เพราะอาจถูกรถที่แล่นสวนทางมาเฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บ
ขณะลงจากรถ ให้รอรถจอดให้สนิทก่อนแล้วจึงลงจากรถ หากต้องข้ามถนนหลังจากลงจากรถแล้ว อย่าผลุนผลันข้ามทันที ควรหยุดมองถนนว่ามีรถแล่นมาหรือไม่ หากไม่มีรถแล่นมาจึงจะข้ามถนนได้
ข้อแนะนำดังกล่าวถือเป็นหลักเกณฑ์เบื้องต้นที่ผู้ปกครองควรนำไปเป็นข้อพิจารณาในการตัดสินใจเลือกใช้บริการรถรับ-ส่งสำหรับบุตรหลาน หรือหากใช้บริการอยู่แล้วและพบเห็นข้อบกพร่องในการให้บริการ ควรรีบแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขโดยด่วน อีกทั้งควรสอนให้เด็กมีทักษะในการใช้บริการรถโรงเรียนด้วยอย่างปลอดภัย
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับบุตรหลานของเรา