กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเร่งเครื่องสู้ภัยแล้ง ตั้งเป้าแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำให้สิ้นซาก

สืบเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายลักษณะอากาศในเดือนมีนาคม 2553 ว่าผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ อุณหภูมิจะสูงขึ้น และอาจทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยประสบความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้งน้ำเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์สภาพอากาศและการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยศูนย์ปฏิบัติการและติดตามสถานการณ์ด้านน้ำบาดาลได้คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะประสบปัญหาภัยแล้งไม่น้อยกว่า 55 จังหวัด 415 อำเภอ 2,337 ตำบล และกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รายงานพื้นที่ประสบภัยแล้งที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว จำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย น่าน พะเยา ลำปาง แพร่ และสุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู และขอนแก่น ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และสุพรรณบุรี และภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ ตรัง ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้จัดเตรียมแหล่งน้ำบาดาล ทั่วประเทศให้พร้อมใช้งานในฤดูแล้ง ประกอบด้วย บ่อน้ำบาดาลกว่า 150,000 แห่ง ระบบประปาบาดาล 39,601 แห่ง บ่อน้ำบาดาลที่ติดตั้งเครื่องสูบไฟฟ้า 72,925 บ่อ จุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลมาตรฐานองค์การอนามัยโลก 1,770 แห่ง โครงการน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียน 490 แห่ง และโครงการจัดหาน้ำสะอาดให้กับหมู่บ้านภัยแล้ง 360 แห่ง ผนวกรวมกับศักยภาพของบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องจักรแล้ว ทำให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งได้ภายใน 24 ชั่วโมง

สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนในระยะเผชิญเหตุในช่วงที่ผ่านมา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้แจกจ่ายน้ำจากจุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง เพื่อให้บริการน้ำอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน ไม่น้อยกว่า 54,000 ลูกบาศก์เมตร แจกจ่ายน้ำดื่มสะอาดจากโรงผลิตน้ำดื่ม 1,770 แห่ง แจกจ่ายน้ำดื่มจากรถผลิตน้ำดื่มสะอาดเคลื่อนที่ 71,390 ลิตร เจาะบ่อน้ำบาดาลให้กับหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคตามที่ได้รับการร้องขอ 9 บ่อ ซ่อมระบบประปา 18 ระบบ ซ่อมเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า 21 เครื่อง และเป่าล้างบ่อน้ำบาดาล 26 บ่อ

ส่วนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งตามโครงการประจำปี 2553 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เร่งรัดดำเนินโครงการน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ 320 แห่ง งบประมาณ 392.6 ล้านบาท และตามแผนงานโครงการไทยเข้มแข็งอีก 396 แห่ง งบประมาณ 494.8 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการจัดหาน้ำสะอาดให้กับหมู่บ้านภัยแล้ง 673 แห่ง งบประมาณ 167.5 ล้านบาท และตามแผนงานโครงการไทยเข้มแข็งอีก 167 แห่ง งบประมาณ 79.0 ล้านบาท

นายอนันต์ เกตุเอม รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า กรมทรัพยากร น้ำบาดาลไม่ได้เป็นหน่วยงานเดียวที่จะสามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้งของประเทศได้แบบเบ็ดเสร็จ แต่ได้นำศักยภาพที่มีอยู่มาบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ร่วมกับกองทัพบก การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการร่วมกันเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้จะมีการร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อจัดหาน้ำบาดาลให้กับพื้นที่เกษตรกรรม ที่ประสบภัยแล้ง ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยโดยเพิ่มจุดจ่ายน้ำถาวรในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เกิดภัยแล้งซ้ำซาก และร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดำเนินการตามข้อตกลงร่วมกับกรมอนามัย ในการให้ความรู้กับหมู่บ้านเพื่อผลิตและควบคุมคุรภาพน้ำประปาหมู่บ้านให้ได้มาตรฐานน้ำอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ หากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและรัฐบาลสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งตามที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเสนอ ก็คาดว่าปัญหาภัยแล้งซ้ำซากจะสิ้นซากไปจาก ประเทศไทย