รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบอาคารเซ็นเตอร์วัน พบว่ากายภาพเบื้องต้น โครงสร้างหลัก เสา คานรับน้ำหนัก ยังคงสภาพอยู่ได้ ส่วนพื้นอาคารยังไม่สามารถตรวจสอบความเสียหายได้ เนื่องจากมีเศษวัสดุ ขยะจำนวนมาก ส่วนผนังอาคารที่เอียงไม่ใช่โครงสร้างหลักของอาคาร ดังนั้นจึงประเมินระดับความเสียหายปานกลาง หรือระดับ 2 จากเดิมที่เคยประเมินว่ามีความเสียหายมาก หรือระดับ 1 เนื่องจากครั้งแรกที่มาตรวจสอบยังมีควันไฟ สามารถตรวจสอบได้เพียงช่วงเสาเดียว จึงไม่อยากให้ประชาชนเข้าพื้นที่เพื่อความปลอดภัย หลังจากนี้แนะนำให้เจ้าของอาคารจัดหาวิศวกรตรวจเชิงลึกโดยเอาวัสดุออก ตรวจสอบพื้นว่ามีรอยร้าว มีการเเอ่นตัว และจะมีการทดสอบการรับน้ำหนักของพื้น ทดสอบกำลังคอนกรีต เสา และคาน เพื่อประเมินว่าควรจะรื้อถอนอาคาร หรือปรับปรุงอาคาร
สำหรับความเสียหายอาคารเซ็นเตอร์วันซึ่งมีพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร จำนวน 4 ชั้น มูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 700-800 ล้านบาท มีคู่สัญญาทั้งหมด 351 สัญญา ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อยจำนวน 301 สัญญา สำนักการโยธา กทม. ระบุว่าอาคารสามารถซ่อมแซม ปรับปรุงได้ก็จะรีบดำเนินการ คาดว่าจะเปิดได้ต้นปีหน้า ส่วนการช่วยเหลือผู้เช่าเบื้องต้นจะคืนเงินสัญญาเช่าระยะยาว แต่หากผู้เช่ายินดีจะกลับมาค้าขายใหม่ไม่รับเงินคืนก็จะมีสิทธิพิเศษให้ ส่วนการหาพื้นที่ค้าขายชั่วคราว ทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK) ซึ่งเป็นผู้ดูแลอาคารแฟชั่นมอลล์ฝั่งตรงข้าม ได้เตรียมพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ใช้เวลาปรับปรุง 1 เดือน และจะใช้ขายฟรี 6 เดือนแรก นอกจากนี้ยังมีหลายหน่วยงานเสนอที่ให้ค้าขายชั่วคราวอีกหลายแห่ง เพื่อให้ผู้ค้าได้มีพื้นที่ทำการค้าขายต่อไป
ด้านนายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวว่า สำหรับอาคารร้านหนังสือดอกหญ้า ซึ่งเป็นห้องแถว 4 คูหาสูง 4 ชั้น พื้นที่ประมาณ 127 ตารางวา โดยจากการตรวจสอบพบว่า โครงสร้างเสาและคาน มีขนาดเล็ก เป็นคอนกรีตไม่หนา เมื่อโดนความร้อนสูง จึงทำให้โครงสร้างเสา และคาน เกิดเสียหายมาก พื้นอาคารแอ่นตัว ผนังด้านข้างแตก ประเมินความเสียหายในระดับ 1 ต้องรื้ออาคารส่วนจะรื้อทั้งหมดหรือไม่ต้องทำการตรวจสอบและประเมินอีกครั้ง สำหรับเจ้าของอาคารประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท