กรมทรัพย์สินทางปัญญาเดินหน้าดัน GI ไทยเข้าตลาด EU และเผยแนวทางดิ้นหลุด PWL

ศุกร์ ๐๔ มิถุนายน ๒๐๑๐ ๑๐:๑๓
พร้อมชี้แจงการใช้งบไทยเข้มแข็ง 705 ล้านบาท และเดินเครื่องจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ตามที่ ครม. อนุมัติ

กรมทรัพย์สินทางปัญญา เดินหน้าจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) ของไทยในสหภาพยุโรป เพื่อขอรับความคุ้มครองสินค้าในประเทศสมาชิก EU พร้อมเผยผลความคืบหน้าในการประชุมร่วมกับสหรัฐเพื่อผลักดันไทยหลุดจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) และชี้แจงการใช้งบประมาณโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 705 ล้านบาท 9 โครงการ รวมทั้งเดินเครื่องเตรียมจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการดูแลนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตามมติที่ครม. เห็นชอบ

นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เดินทางไปยื่นคำขอจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทย คือ กาแฟดอยช้าง และกาแฟดอยตุง รวมทั้งติดตามความคืบหน้าการจดทะเบียนข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ในสหภาพยุโรป เพื่อขอรับความคุ้มครองสินค้าของไทยในประเทศสมาชิก โดยคำขอจดทะเบียนกาแฟดอยช้าง และกาแฟดอยตุง ทางสหภาพยุโรปได้รับคำขอไว้เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนคำขอจดทะเบียนข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ที่ประเทศไทยได้ยื่นคำขอมาตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2549 และมีการปรับปรุงแก้ไขตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำและส่งข้อมูลมาให้เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2553 นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการแปลคำขอ โดยคาดว่าหากไม่มีคำคัดค้านใดๆก็สามารถจดทะเบียนได้ภายในเดือนมกราคม 2554 ทั้งนี้ ทางสหภาพยุโรปแจ้งว่าได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินการเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะทราบดีว่าข้าวเป็นสินค้าที่มีความสำคัญมากสำหรับประเทศไทย พร้อมทั้งมีการหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะจดทะเบียนไหม เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทย ซึ่งทางสหภาพยุโรปแจ้งว่า ด้วยกฎระเบียบกำหนดว่า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของสหภาพยุโรปต้องเป็นสินค้าที่สามารถบริโภคได้เท่านั้น โดยมีข้อยกเว้นสำหรับสินค้าบางประเภทซึ่งยังไม่รวมถึงไหม จึงไม่สามารถจดไหมเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของสหภาพยุโรปได้ แต่อาจได้รับความคุ้มครองในบางประเทศที่ไม่มีข้อจำกัดเช่นนี้ เช่น สาธารณรัฐประชาชนเชค หรือสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น นอกจากนี้ ทางกรมฯ ยังได้เข้าพบนาย Jean-Louis Buer ตำแหน่ง Director General ของสถาบันแหล่งกำเนิดสินค้า (INAO — National Institute of Appellation of Origin) ของประเทศฝรั่งเศส เพื่อหารือเรื่องความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การศึกษาดูงานและอบรมสร้างองค์ความรู้ร่วมกันต่อไป

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ “Thailand Creative Economy Agency” เรียกโดยย่อว่า “TCEA” ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาเสนอ โดยสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ จะเป็นหน่วยงานภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กบศส.) ที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นประธานกรรมการ โดยจะมีลักษณะเป็นหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบดูแลทั้งในเรื่องการเสนอแนะนโยบายต่อรัฐบาล การนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฎิบัติจริง การประสานงานและติดตามดูแลการดำเนินงานของหน่วยงานเครือข่ายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นไปในทิศทางเดียงกันและตอบโจทย์เป้าหมายของพันธสัญญาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ได้ ครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษา การให้งบประมาณสนับสนุนทั้งแก่ภาครัฐและเอกชนในการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการจัดตั้ง “สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ” นี้ จะเป็นการสร้างโอกาสและความท้าทาย ให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำให้สำนักงานนี้ขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะส่งผลให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยมีศักยภาพสูงขึ้นแล้ว ยังจะทำให้ในอนาคตไทยเราจะมีโอกาสเป็นประเทศต้นแบบในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่หลายๆ ประเทศจะมาศึกษาดูงาน และนำแนวคิดของเราไปประยุกต์ใช้ในประเทศต่างๆต่อไป

ด้านความคืบหน้าจากการประกาศผลการจัดอันดับประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301พิเศษ ประจำปี 2553 ที่ได้คงไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) และให้มีการทบทวนสถานะนอกรอบ (Out of Cycle Review — OCR) ไปนั้น ในวันนี้ทางกรมฯ ได้มีการประชุมร่วมกับผู้แทนสถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐฯ และได้กำหนดจัดการประชุมกับ USTR ผ่านระบบ VDO Conference ในวันที่ 24 มิถุนายน 2553 เพื่อหารือเรื่องการทบทวนสถานะนอกรอบของไทย โดยได้แจ้งให้สหรัฐทราบว่าขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยเฉพาะในเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยเดือดร้อนจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น การแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า เพื่อเอาผิดเจ้าของพื้นที่ที่ใช้ในการกระทำความผิดและการยกร่างกฎหมายป้องกันการแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ เป็นต้น

นอกจากนี้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ยังเปิดเผยว่า ในวันที่ 25 มิถุนายน 2553 นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ เพื่อให้นโยบบายการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้นในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สีแดงต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางกรมฯ ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยการจัดทำแผนเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การเข้าเป็นสมาชิกสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty — PCT) รวมทั้งการดำเนินมาตรการสร้างจิตสำนึก และความตระหนักของประชาชนในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทางกรมฯ จะได้ขยายผลการจากประชุมครั้งนี้เพื่อดำเนินงานในการผลักดันไทยให้หลุดจากประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษต่อไป

กรมทรัพย์สินทางปัญญา

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ

กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ฯ กรมทรัพย์สินทางปัญญา [email protected]

ติดต่อ คุณสุจิรา 0-2547- 4696

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐:๕๙ ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ให้การต้อนรับอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม
๒๐:๓๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๒๐:๕๒ Vertiv เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ไมโครโมดูลาร์รุ่นใหม่ที่มี AI ในเอเชีย
๒๐:๐๙ พิธีขึ้นเสาเอก เปิดไซต์ก่อสร้าง โครงการ แนชเชอแรล ภูเก็ต ไพรเวท พูลวิลล่า บ้านเดี่ยวบนทำเลทองใจกลางย่านเชิงทะเล
๒๐:๔๖ เขตบางพลัดประสาน รฟท.-กทพ. ปรับภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวหน้าสถานีรถไฟบางบำหรุ
๒๐:๕๘ ร่วมแสดงความยินดีแก่อธิบดีกรมยุโรป ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์
๒๐:๐๓ กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมริมคลองโอ่งอ่าง ส่งเสริมอัตลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว
๒๐:๔๙ พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พาคุณไปสัมผัสการนวดเพื่อสุขภาพจาก 4 ภูมิภาคของไทย
๒๐:๒๔ Digital CEO รุ่นที่ 7 เรียนรู้เข้มข้นต่อเนื่อง จากวิทยากรชั้นนำของวงการ
๒๐:๒๔ เด็กไทย คว้ารางวัลระดับโลก โดรนไทย ชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านอากาศยานไร้คนขับ UAV ณ กรุงเจนีวา