นายสมชาย กล่าวต่อว่า จากผลการวิจัยพบว่า เด็กถูกกระทำความรุนแรงทั้งทางกาย วาจา และเพศ โดยเฉพาะการกระทำความรุนแรงจากคนในครอบครัว ที่น่าเป็นห่วงคือ พ่อแม่ไม่รู้ว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก เช่น การดุด่า ใช้ถ้อยคำรุนแรงหรือไม่เหมาะสม มีการเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ดีกว่า ทำให้เด็กเกิดความฝังใจ เมื่อเกิดปัญหาเด็กจึงเลือกที่จะปรึกษาเพื่อนมากกว่าครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่า เด็กชายถูกล่วงละเมิดทางเพศที่มีการร่วมเพศ มากกว่าเด็กหญิง๓-๕ เท่า โดยพบในพื้นที่กทม.และปริมณฑล มากกว่าภาคอื่นๆ ทั้งนี้ ในวันพุธที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานการประชุมสรุปผลภาพรวมของการวิจัยฯและนำเสนอร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเด็กและเยาวชนร่วมกันวิพากษ์ วิจารณ์ และให้ข้อคิดเห็น ก่อนจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
ด้านดร.สายสุรี จุติกุล ในฐานะหัวหน้าคณะวิจัยและประธานคณะอนุกรรมการประสานการป้องกันและแก้ไข ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน กล่าวว่า เด็กยอมรับว่าถูกกระทำความรุนแรงทั้งทางกาย วาจา รวมทั้งทางเพศ มีจำนวนมากที่หนีออกจากบ้านเพราะไม่มีความสุข ถูกพ่อแม่ทำร้าย จึงขอเสนอให้มีการเปลี่ยนแนวคิดใหม่แก่พ่อแม่ผู้ปกครองว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด” และควรใช้วิธีคิดเชิงบวก ไม่ดุด่าทุบตี เรียนรู้การเป็นพ่อแม่ที่ดี เพื่อร่วมสร้างสถาบันครอบครัวให้เข้มแข็ง.