ส.อ.ท. เปิดตัว “กลุ่มฯ ต่อเรือและซ่อมเรือ” เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 41 เชื่อ!! ศักยภาพผู้ประกอบการสามารถพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศได้

อังคาร ๑๓ ธันวาคม ๒๐๑๑ ๑๔:๐๓
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดพิธีสถาปนาจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือขึ้น เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา ณ ห้อง Boardroom 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 41 ภายใต้สภาอุตสาหกรรมฯ โดยการจัดงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ) อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (นายอาทิตย์ วุฒิคะโร) และอธิบดีกรมเจ้าท่า (นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ) มาร่วมแสดงความยินดีในงานสถาปนาดังกล่าว

อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ถือเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมดังกล่าวมีผู้ประกอบการในประเทศที่มีศักยภาพ มีขีดความสามารถในการผลิต และส่งออก ก่อให้เกิดรายได้และการจ้างแรงงานจำนวนมาก ทั้งในอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อาทิเช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เครื่องจักรกล เฟอร์นิเจอร์ ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ สี และอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เป็นต้น นอกจากนี้ อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีการสนับสนุนกิจการขนส่งทางน้ำ ที่มีความสำคัญต่อการนำเข้า และส่งออกของประเทศ โดยมีมูลค่ายอดขายต่อปีภายในประเทศรวม 4,238 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60% และมีมูลค่าส่งออก 2,815 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40%

นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความเป็นมาของการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือว่า ถ้ามองภาพรวมแล้วอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างใหญ่และมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมากในด้านการผลิต สมควรที่ภาครัฐควรให้การส่งเสริมและสนับสนุน เนื่องจากมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางน้ำที่มีต้นทุนต่ำ เหมาะสมกับภูมิประเทศของไทย และเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาวิทยาการ เทคโนโลยี และองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมชั้นสูงของประเทศให้เจริญรุดหน้า เป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมายของประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมซ่อมเรือ ยังถือเป็นอุตสาหกรรมส่วนหนึ่งในการสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยว โดยประเทศไทยมีความพร้อมและศักยภาพทางด้านอู่ซ่อมเรือขนาดใหญ่ อาทิ เรือสำราญ เรือท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุน และผลักดันให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเข้มแข็ง และยังตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น จึงได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือในครั้งนี้ขึ้น

“เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ จำนวน 20 บริษัท ได้ร่วมกันแสดงความจำนงต่อสภาอุตสาหกรรมฯ ขอจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือขึ้น โดยมีมติที่ประชุมคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมฯ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2554 เห็นชอบและสนับสนุนให้จัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือขึ้น เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 41 ภายใต้สภาอุตสาหกรรมฯ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะผู้ก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการจัดตั้งกลุ่มฯ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยคณะผู้ก่อตั้งฯ ได้จัดให้มีการประชุมจัดตั้งกลุ่มฯ เพื่อพิจารณากำหนดข้อบังคับ และเลือกตั้งคณะกรรมการกลุ่มฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายวิรัตน์ ชนะสิทธิ์ ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกในกลุ่มฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ส.อ.ท.” รองประธาน ส.อ.ท. กล่าว

ด้าน นายวิรัตน์ ชนะสิทธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ มีความเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งกลุ่มฯ ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวของความสำเร็จครั้งสำคัญ ในการรวมตัวของผู้ประกอบการที่มีเจตนารมย์ร่วมกันในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือฯ ให้ก้าวไกล และมีศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากล

“การจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ สร้างความร่วมมืออันดีระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรม ให้เกิดการสร้างงานในประเทศ และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงเพื่อพัฒนากระบวนการผลิต และการตลาดให้มีศักยภาพการแข่งขันกับต่างประเทศด้วย และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว และเกิดการผลักดันให้อุตสาหกรรมฯ มีการพัฒนาและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพนั้น สภาอุตสาหกรรมฯ จะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการเป็นสื่อกลางการประสานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ให้มีการต่อเรือในประเทศ แทนที่จะซื้อเรือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันกองเรือที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น กองเรือขนส่งน้ำมันชายฝั่ง กองเรือขนส่งในลำน้ำ กองเรือสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันในทะเล เรือตรวจการณ์ เรือช่วยรบ และเรือเฉพาะกิจพิเศษอื่นๆ ตลอดจนเรือเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นกองเรือที่ อู่ต่อเรือไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพในการแข่งขัน เพียงแต่รอการสนับสนุนและช่วยกันผลักดันจากหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหลาย และเมื่อมีการต่อเรือในประเทศจำนวนมาก อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องต่างๆ ก็จะเกิดตามมา และสามารถพัฒนาต่อให้เกิดอุตสาหกรรมในแขนงต่างๆ อันจะสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนตลอดไป เช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว”

ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการ และสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ จะร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสมาชิกอื่น ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และร่วมมือกันทำงานเพื่อพัฒนาศักยภาพในการผลิต และพัฒนาอุตสาหกรรม ไม่เฉพาะเพื่อประโยชน์ของกลุ่มฯ แต่จะพิจารณาถึงผลกระทบ และความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศไทย อันเป็นภารกิจหลักของกลุ่ม เพื่อตอบสนองเป้าหมายการดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของสมาชิกกลุ่มฯ จะสามารถนำพากลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามเป้าหมาย บรรลุวัตถุประสงค์ และมีความเจริญก้าวหน้าเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้

ด้าน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวแสดงความยินกับการจัดตั้งกลุ่มฯ ในครั้งนี้ว่า การที่ผู้ประกอบการรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือขึ้นมานั้น ถือว่าเป็นการแสดงบทบาท หน้าที่ ของภาคอุตสาหกรรมอย่างชัดเจนอีกทางหนึ่ง รวมทั้งยังสอดรับกับนโยบายภาครัฐในด้านการพัฒนาโลจิสติกส์ ที่ภาครัฐมีนโยบายที่จะมุ่งเน้น และให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งทางน้ำมากขึ้น เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย ซึ่งทางกระทรวงอุตสาหกรรมเชื่อว่าจะได้มีโอกาสร่วมกันทำงานกับอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ เพื่ออนาคตที่มั่นคงของประเทศชาติต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

โทร. 0-2345-1013 โทรสาร 0-2345-1296-8

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4