งานแสดงสินค้างานใหญ่ที่สุดในโลก “กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก”

อย่างไรก็ดี งานในครั้งนี้ยังคงทำลายสถิติเดิมของงานครั้งก่อนๆ โดย ณ วันที่ 4 พฤษภาคม มีจำนวนผู้ซื้อ 210,000 รายจาก 213 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมงาน หรือเพิ่มขึ้น 0.23% และ 1.23% เมื่อเทียบกับงานครั้งที่ 110 และ 109 ในปี 2554 ตามลำดับ

สถานการณ์ที่ยากลำบากในสหรัฐและยุโรปส่งผลกระทบต่อมูลค่าการทำข้อตกลงส่งออกโดยรวมในงาน โดยลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับงานที่จัดขึ้นช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 3.603 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับงานที่จัดขึ้นเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ขณะเดียวกันมูลค่าการซื้อขายของสหรัฐและยุโรปลดลง 8.1% และ 5.6% ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี มูลค่าการทำข้อตกลงส่งออกกับบริษัทที่มาจากประเทศเศรษฐกิจใหม่ อาทิ อินเดีย บราซิล และรัสเซีย ปรับตัวสูงขึ้นอย่างน่ายินดีที่ 4.1% ส่วนมูลค่าการซื้อขายกับประเทศแอฟริกาทะยานถึง 13.5% ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ตลาดเกิดใหม่กำลังเป็นดาวเด่นดวงใหม่ของโลก และงานแคนตันแฟร์ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่ทรงอิทธิพลที่สุดงานหนึ่งในด้านการนำเข้าและส่งออกของโลก ก็เสนอโอกาสให้ภาคธุรกิจได้มีการเติบโต แม้ว่าจะอยู่ในภาวะที่ยากลำบากก็ตาม

นอกจากนั้นแล้ว ผู้ร่วมงานยังได้รับประสบการณ์ที่ดีมากจากงานนี้

“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาร่วมงานแคนตันแฟร์” คริสเตรียน โฮล์มควิสท์ (Kristrian Holmqvist) ผู้ซื้อจากบริษัทในฟินแลนด์ กล่าว “ผมไม่ต้องเดินทางไปหลายๆที่เพื่อหาซัพพลายเออร์รายใหม่ ทำให้ประหยัดเวลาได้มาก สำหรับวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจของผม แต่งานแคนตันแฟร์ก็ยังทำให้ผมได้ความคิดดีๆในการทำธุรกิจการค้าและทำให้เรามีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น”

“ผมคิดว่าเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย แต่ก็เป็นเวลาเหมาะสมที่เราจะช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจ” ฮัสซาน เอล บิซรี (Hassan El Bizri) จากบราซิล กล่าว

งานแคนตันแฟร์ครั้งต่อไปจะเปิดฉากขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ และทางผู้จัดงานก็หวังว่าจะได้ต้อนรับผู้ซื้อทุกคนจากนานาประเทศอย่างอบอุ่น “ที่ไหนมีฝูงชน ที่นั่นมีโอกาสทางธุรกิจ และที่นั่นมีความหวัง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของงานกล่าว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ http://www.cantonfair.org.cn/en/index.asp

แหล่งข่าว: ศูนย์การค้าต่างประเทศของจีน (CFTC)