หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ในฐานะรองประธานอนุกรรมการจัดทำแผนเผชิญเหตุป้องกันอันตรายและลดผลกระทบต่อประชาชนที่เกิดจากไฟฟ้าดับ บริเวณกว้าง (Blackout) เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยสถานการณ์ไฟฟ้าดับบริเวณกว้างที่ส่งกระทบต่อระบบสาธารณูปโภค ระบบการสื่อสาร และภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนเผชิญเหตุป้องกันอันตรายและลดผลกระทบต่อประชาชนที่เกิดจากเหตุไฟฟ้าดับบริเวณกว้าง ดังนั้น เพื่อให้แผนดังกล่าวมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน สามารถบูรณาการและประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนเผชิญเหตุฯ เพื่อพิจารณาทบทวนและบูรณาการแนวทางการปฏิบัติกรณีไฟฟ้าดับของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมแบ่งระดับการปฏิบัติการและขั้นตอนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจะทำให้การสั่งการแก้ไขปัญหาและการสนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าปฏิบัติการ ในพื้นที่ประสบเหตุเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในแผนเผชิญเหตุฯ ดังกล่าว ได้กำหนดให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฯ และแบ่งโครงสร้างศูนย์ปฏิบัติการฯ เป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งการจัดโครงสร้างจะพิจารณาตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละระดับ ภายใต้ระบบการบัญชาการเหตุการณ์ (ICS) เพื่อให้การบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินจากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับบริเวณกว้างมีเอกภาพและประสิทธิภาพ
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อนุกรรมการและเลขานุการฯ กล่าวว่า แผนเผชิญเหตุฯ ไฟฟ้าดับบริเวณกว้าง ได้มีการรวบรวมและจัดทำคลังข้อมูลเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง เครื่องมือ อุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง และแหล่งพลังงานสำรอง ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ไฟฟ้าดับจะสามารถระดมเครื่องมืออุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญ อาทิ โรงพยาบาล สนามบิน โรงงานอุตสาหกรรม โครงข่ายการสื่อสาร จะได้มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบด้านอื่นๆ ที่สร้างความเสียหายและความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ