ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทยกล่าวว่า“วัตถุประสงค์ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทยคือ การสนับสนุนและเชื่อมโยงให้ภาครัฐและเอกชนให้ร่วมมือกันเกื้อหนุนประชาชน ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติที่รุนแรง โดยเน้นการฟื้นฟูด้านการดำรงชีวิตและสภาพจิตใจของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งโครงการต่างๆ ขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ ให้ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้สำหรับโครงการหลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ในพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุและพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นอีกหนึ่งในโครงการหลักของมูลนิธิฯ ที่มีภารกิจในการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติ ด้วยการส่งมอบแผ่นหลังคาเขียวที่ได้จากการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วที่คนไทยช่วยกันบริจาคผ่านโครงการฯ ไปยังพื้นที่ประสบภัยและชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วประเทศ
“ด้วยภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างสามปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในหลายพื้นที่ของประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส อาทิ เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในเขตภาคเหนือ ดินโคลนถล่มในเขตภาคใต้ ตลอดจนเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลให้ประชาชนนับพันครัวเรือนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ด้วยเหตุนี้ การฟื้นฟูที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจึงเป็นภารกิจหลักที่มูลนิธิฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับในปีนี้นับเป็นปีที่สามของการดำเนินโครงการฯ ซึ่งครบตามกำหนดระยะเวลาที่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และผู้ดำเนินโครงการฯ จากหน่วยงานต่างๆ ที่มีความมุ่งมั่นในปณิธานเดียวกันในการช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือไว้เมื่อปีพ.ศ.2553 ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้ที่ร่วมส่งกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วผ่านโครงการหลังคาเขียวฯ ทุกท่านที่ร่วมแรงกันช่วยเหลือเพื่อนคนไทยด้วยกันอย่างไม่ย่อท้อ หากนับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการฯ มาจนถึง ณ ปัจจุบัน มูลนิธิฯ สามารถเข้าฟื้นฟูที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนได้แล้วกว่า17 จังหวัด และจะยังคงทยอยส่งมอบความช่วยเหลือในรูปของแผ่นหลังคาให้กับผู้ที่ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศต่อไป แต่เนื่องจากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมาทำให้ปริมาณกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วที่ได้จากการบริจาคไม่เพียงพอต่อการผลิตแผ่นหลังคา ดังนั้นเพื่อการผลิตแผ่นหลังคาให้เพียงพอต่อความต้องการเราจึงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ต่ออีกสามปี โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 — มิถุนายน 2559พร้อมทั้งรณรงค์ให้ความรู้กับชุมชนที่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มขยายผลเป็นความร่วมมือร่วมใจของทุกคนเพื่อให้เกิดการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายในชุมชนอย่างต่อเนื่องเกิดเป็นแนวทางการจัดการอย่างยั่งยืน” ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์พิชิต กล่าวเสริม
นางสาวฐาปนี จันทร์หอม ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา โครงการฯได้รับการตอบรับจากคนไทยเป็นอย่างดี โดยเห็นได้จากจำนวนกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วที่โครงการฯ รวบรวมได้ตั้งแต่เปิดตัวโครงการฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 จนถึงเดือนเมษายน 2556 มียอดการรวบรวมกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วเพื่อมาผลิตเป็นแผ่นหลังคาได้จำนวนกว่า55ล้านกล่องสามารถนำมารีไซเคิลเป็นแผ่นหลังคาได้ประมาณ 27,750 แผ่นอย่างไรก็ดีจากความต้องการแผ่นหลังคาเขียวที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องโครงการฯจึงได้จัดส่งแผ่นหลังคาเขียวให้กับมูลนิธิฯรวมทั้งสิ้นเกือบ 40,000 แผ่นและแม้ว่าปริมาณกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วที่โครงการฯ ได้รับจะมีจำนวนมากกว่าที่ได้ตั้งเป้าไว้แต่ด้วยจำนวนความต้องการแผ่นหลังคาที่มีเพิ่มมากขึ้น เราจึงได้ขยายเวลาในการดำเนินโครงการฯ อีก 3 ปี เพื่อให้การผลิตแผ่นหลังคาเพียงพอต่อความต้องการโดยในปีนี้ เราเริ่มด้วยแนวคิด “ทำดีแบบ D.I.Y.” เพื่อสื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นว่าการทำความดีไม่ใช่เรื่องยาก แค่นำกล่องเครื่องดื่มมาพับเก็บรวบรวม และส่งให้กับโครงการฯ เพื่อนำมารีไซเคิลผลิตเป็น“แผ่นหลังคา”เพียงเท่านี้ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยทั่วประเทศได้แล้วค่ะ”
ทั้งนี้ โครงการหลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ยังคงได้รับเกียรติจาก 2 ดาราหนุ่มมาดเซอร์“อนันดาเอเวอร์ริ่งแฮม” และ “หลุยส์ สก๊อตต์” รับหน้าที่เป็นทูตประจำโครงการฯ เช่นเดิม
อนันดาเอเวอร์ริ่งแฮม เล่าให้ฟังว่า “ผ่านไป 3 ปีกับการรับหน้าที่เป็นทูตประจำโครงการหลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากบอกได้เลยครับว่าประทับใจในความร่วมมือร่วมใจของเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆอาสาหลังคาเขียวมากครับที่ช่วยกันตั้งหน้าตั้งตาเก็บกล่องเครื่องดื่มที่ทานหมดแล้วรวบรวมและส่งให้กับโครงการฯอย่างต่อเนื่องจนสามารถทำเป็นแผ่นหลังคานำไปช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประสบภัยและผู้ที่ขาดแคลนในหลายจังหวัดทั่วประเทศเลยครับ หลายครั้งที่ได้มีโอกาสไปยังพื้นที่ประสบภัยต่างๆกับทีมงานโครงการฯทำให้เข้าใจจริงๆครับว่าเวลาที่เราเดือดร้อนมากๆแล้วได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างเต็มที่มันเป็นยังไงตื้นตันใจจนพูดไม่ออกครับแม้ว่าตัวผมเองจะไม่ได้เป็นผู้ประสบภัยแต่การที่ได้เป็นคนส่งมอบความช่วยเหลือให้กับพวกเขาเหล่านั้นซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่ไม่ธรรมดาเพราะเกิดจากการร่วมมือกันของคนไทยทั่วประเทศเรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากครับในฐานะทูตประจำโครงการฯขอขอบคุณอาสาหลังคาเขียวทุกคนจากใจครับ”
ด้านหลุยส์ สก๊อตต์ ทูตประจำโครงการฯ อีกคน บอกว่า“สุดยอดครับ...ประโยคนี้คือประโยคที่ผมอยากบอกกับคนไทยทุกคนที่ร่วมส่งกล่องเครื่องดื่มกลับมารีไซเคิลครับทั้งเหล่าอาสาหลังคาเขียวของเราและทุกๆคนที่ส่งเข้ามาตลอด 3 ปีที่ดำเนินโครงการหลังคาเขียวฯถ้าไม่มีพวกคุณโครงการฯของเราก็คงจะเดินหน้าไปไม่ได้และคงสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ประสบภัยไม่ได้เช่นกันครับถึงแม้การเก็บรวบรวมกล่องเครื่องดื่มเพื่อนำมาทำเป็นแผ่นหลังคาจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆแต่ก็เป็นเรื่องเล็กที่สร้างความสุขที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนที่เดือดร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะครับ และในปีนี้โครงการหลังคาเขียวฯของเราอยากจะเชิญทุกคนมา‘ทำดีแบบD.I.Y’ เพราะเริ่มได้ง่ายๆจากตัวเราเองผมอยากชวนให้ทุกคนมาร่วมเป็นอาสาหลังคาเขียวกันเยอะๆนะครับส่วนใครที่เป็นอาสาหลังคาเขียวอยู่แล้วก็ชวนเพื่อนๆมาร่วมกันได้อีกนะครับชวนกันมาทำดีแบบD.I.Y ง่ายๆด้วยตัวเราเองเพียงแค่พับกล่องเครื่องดื่มที่ดื่มหมดแล้วเก็บรวบรวมส่งให้โครงการฯเพื่อนำมาทำแผ่นหลังคาช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่าลืมนะครับทำดีแบบD.I.Y พับง่ายทำได้ทุกคนครับ”
ผู้บริโภคที่สนใจร่วมโครงการ “หลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก” สามารถนำกล่องเครื่องดื่มที่บริโภคแล้วไปมอบให้ที่จุดรับกล่องเครื่องดื่มใช้แล้ว ที่ห้างบิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศอาสาตั้งกล่อง หรือจุดรับกล่องที่มีโปสเตอร์ของโครงการฯติดแสดงอยู่สนใจเข้าร่วมเป็นอาสาหลังคาเขียวฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.greenroof.in.thหรือร่วมเป็นแฟนใน www.facebook.com/thaigreenroofสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโครงการฯ โทร.02-752-8575