กรมเจ้าท่าทุ่มกว่า 2 พันล้าน เฟสแรกขยายเส้นทางประหยัดพลังงาน

พุธ ๑๑ กันยายน ๒๐๑๓ ๑๕:๔๕
กรมเจ้าท่าทุ่มกว่า 2 พันล้าน เฟสแรกขยายเส้นทางประหยัดพลังงานนำร่องแม่น้ำป่าสัก เร่งลดต้นทุนขนส่ง สร้างแต้มต่อผู้ประกอบการไทยรับศึกการค้าเออีซี

นายพ้อง ชีวานันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าในลำน้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า กรมเจ้าท่าเตรียมลงทุนขยายเส้นทางขนส่งประหยัดพลังงาน ตามนโยบายลดต้นทุนโลจิสติกส์ของรัฐบาล กรมเจ้าท่าได้เสนอตั้งงบประมาณจำนวน 11,180 ล้านบาท ใน พรบ.เงินกู้ เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งโครงการนี้แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก เร่งดำเนินโครงการขยายลำน้ำในแม่น้ำป่าสัก พัฒนาทางเดินเรือจาก กม.0- กม.52 (ช่วงใต้เขื่อนพระรามหก) โดยเร่งขุดลอกแก้ไขจุดที่มีปัญหาตื้นเขิน และก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง 12 แห่ง เพื่อขยายหน้าตัดลำน้ำ พัฒนาพื้นที่หลบเรือ เพิ่มความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ประกอบการ ใช้งบประมาณเบื้องต้น 2,070 ล้านบาท ตามแผนจะดำเนินการปี 2557-2559

ส่วนระยะที่ 2 ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพร้อมขุดลอกส่วนที่เหลือ และก่อสร้างหลักผูกเรือ ติดตั้งเครื่องหมายช่วยการเดินเรือ รวมทั้งจัดระเบียบการจราจร ระยะเวลาดำเนินการปี 2558-2563 ใช้งบประมาณ 8,765 ล้าน ภายหลังโครงการฯแล้วเสร็จดาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนวิธีการขนส่งในภาพรวม 20,887.34 ล้านบาทต่อปี

สำหรับโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการขนส่งในลำน้ำป่าสัก เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพของตำแหน่งของแม่น้ำป่าสัก ที่มีการไหลผ่านในย่านเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม และอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร สามารถรองรับการขนส่งสินค้าจากภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้มาลงเรือที่แม่น้ำป่าสัก ขนถ่ายต่อไปยังท่าเรือชายฝั่งที่คลองเตย แหลมฉบัง และออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น สินค้าที่นิยมขนส่งทางเรือ ขาล่อง ได้แก่ มันสำปะหลัง ปูนซีเมนต์ หินก่อสร้าง ส่วนสินค้าขาขึ้น ได้แก่ ถ่านหิน ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม มีปริมาณขนส่งสินค้าต่อเที่ยว 4000-6000 ตัน หรือเทียบเท่ารถบรรทุก 300-400 คัน

“หากสามารถพัฒนาเส้นทางขนส่งในแม่น้ำป่าสักให้ต่อเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยา ออกสู่อ่าวไทย และไปจนถึงท่าเรือแหลมฉบังได้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายระบบการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าหนัก เช่นปูนซีเมนต์ ถ่านหิน น้ำมัน ข้าว ข้าวโพด จากการขนส่งทางถนนมาใช้ทางน้ำสะดวกยิ่งขึ้น ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย หากคิดระยะทางขนส่งทางน้ำจากท่าเรือแหลมฉบังมายังป่าสักระยะทางรวม 260 กม พบว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่งได้มากถึง 3 เท่า”นายพ้องกล่าว

นายพ้องกล่าวว่าการขนส่งทางน้ำถือเป็นเส้นทางขนส่งที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่าทางถนน แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยม เพราะยังมีปัญหาลำน้ำแคบเรือบรรทุกสินค้าไม่สามารถผ่านได้ กรมเจ้าท่าจึงต้องเร่งพัฒนาขยายลำน้ำป่าสัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านโลจิกส์ติกให้กับผู้ประกอบการไทย ใช้เป็นแต้มต่อในการแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน ภายหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ระบุว่า อัตราการใช้พลังงานต่อหน่วยการขนส่งสินค้า หากเป็นการขนส่งทางน้ำจะใช้พลังงานน้อยกว่าการขนส่งทางรถยนต์และมีผลทางอ้อมคือด้านสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณคาร์บอนปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ได้น้อยกว่าการขนส่งทางรถยนต์และลดอุบัติเหตุทางรถยนต์จำนวนมาก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4