เอพีเอ็ม กรุ๊ป จับมือ ก.พ. ติวเข้มผู้นำองค์กรภาครัฐ ปั้นไทยขึ้นแท่นผู้นำโลกในปี 2020

ศุกร์ ๒๐ กันยายน ๒๐๑๓ ๑๓:๐๔
ผลการวิจัยคุณสมบัติผู้นำในอนาคตของไทย โดย เอพีเอ็ม กรุ๊ป เผย‘ผู้บริหารระดับสูง 8 ใน 10 คนมักเผชิญปัญหาเรื่องการแปลงกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ เมื่อเริ่มดำเนินกลยุทธ์แล้วมักมีอุปสรรคหรือขับเคลื่อนไปได้ยาก’

บริษัทที่ปรึกษาเอพีเอ็ม กรุ๊ป หนึ่งในองค์กรที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและบุคลากรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียได้รับความไว้วางใจจากสำนักงาน ก.พ. ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาโครงการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการแก่ผู้บริหารระดับสูงภาครัฐภายใต้กรอบแนวคิด “รู้ คิด ดู ทำ”โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้นำระดับสูงในส่วนราชการ อาทิ ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก การดำเนินการโครงการเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เป็นต้นมาและจะดำเนินต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนกันยายน 2556

ทั้งนี้ระหว่างโครงการฯ เอพีเอ็ม กรุ๊ป ได้ร่วมกับศาสตราจารย์ บรู๊ซ แม็คเคนซี ผู้เชี่ยวชาญด้าน Systems Thinking ของโลก ซึ่งอยู่ในทีมที่ปรึกษาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จัดทำโครงการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้นำในอนาคตของไทย เพื่อหาคุณลักษณะที่สำคัญของผู้นำไทยในยุค 2020 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า โดยรวบรวมความคิดและมุมมองของคนไทยที่ทำงานในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงคนไทยที่ศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในต่างประเทศ อาทิ แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ฯลฯ เพื่อหาคุณลักษณะผู้นำที่จะสามารถนำพาองค์กรไทยสู่สากล สามารถแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ รวมถึงค้นหาจุดที่ต้องพัฒนาและคุณลักษณะที่ควรเสริมสร้างให้เกิดขึ้นแก่ผู้นำระดับสูงภาครัฐของไทย

สำนักงาน กพ. ให้ความสำคัญกับงานวิจัยชิ้นนี้เป็นอย่างสูง เพราะเป็นงานวิจัยเชิงลึกชิ้นแรกที่สอบถามความคิดเห็นคนไทยในต่างประเทศที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญา ตรี โท เอก และคนไทยที่ทำงานกับต่างชาติในประเทศไทย โดยผลวิจัยมีความน่าสนใจหลายประเด็น และเห็นควรว่าน่าจะนำมาปฏิบัติโดยเร็ว เช่น ผลวิจัยพบว่า “ในอนาคตเด็กรุ่นใหม่จะแยกคำว่า เคารพ และ เชื่อฟัง ออกจากกัน กล่าวคือ ความเคารพในระบบอาวุโสจะยังมี เพราะถือเป็นวัฒนธรรมอันดี แต่เขาจะไม่เชื่อฟังหรือปฏิบัติตามคำสั่งเดิมๆ รูปแบบเดิมที่หัวหน้า / เจ้านายสั่งอีกต่อไป เพราะพวกเขาจะมีวิธีคิดในแบบของตัวเอง มีข้อมูล มีรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ซึ่งการที่จะทำให้เด็กรุ่นใหม่ “เชื่อ” แล้ว “ฟัง” และปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้ใหญ่เคยทำไว้จะทำให้เกิดการ “ไม่เชื่อ” แต่ “ทำ” ซึ่งจะเกิดปัญหาในการทำงานทำให้ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งระบบราชการจะต้องเข้าใจและเตรียมปรับตัวเพื่อรับกับแนวโน้มนี้” นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทที่ปรึกษาเอพีเอ็ม กรุ๊ปกล่าว

ยิ่งไปกว่านั้นในโครงการนี้ยังเป็นโครงการที่ได้ยึดหลักของการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ที่นำเอาการบูรณาการองค์ความรู้แบบที่จับต้องได้ และเห็นภาพชัดเจนอันจะนำไปสู่การจดจำ และลงมือปฏิบัติในการทำงานจริงได้อย่างสำฤทธิ์ผลอันประกอบด้วยกิจกรรมการพัฒนาที่หลากหลาย มีมาตรฐานเป็นสากลทัดเทียมกับการพัฒนาในต่างประเทศ มุ่งเน้นบริบทที่ตรงกับบทบาทภารกิจของผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย อันมีองค์ประกอบดังนี้

“รู้” — หลักสูตรอบรมระยะสั้น (1-3 วัน) เพื่อเสริมสร้างและเพิ่มพูนทักษะทางการบริหารจัดการด้วยหลักสูตรฝึกอบรมชั้นเลิศ โดยแบ่งเป็น (1) กลุ่มหลักสูตรการเป็นผู้นำ ที่เน้นการทำงานโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเน้นเป้าหมายปลายทางเป็นสำคัญ (2) กลุ่มหลักสูตรการคิดและการบริหารจัดการ ที่เน้นทำงานเชิงบูรณาการที่ต้องร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญในเรื่องความสามารถในการปรับวิธีการเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความคล่องตัวและการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น

“คิด” — การเสวนาและการบรรยายพิเศษ (Talk & Lecture) เพื่อเสริมสร้างมุมมองความรู้และพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำแก่นักบริหารระดับสูง ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิระดับสากล จากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์

“ดู” — การศึกษาดูงาน (Study Trips) เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาวิสัยทัศน์ผู้นำ อีกทั้งสร้างความสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประเทศ โดยจะเน้นด้านการเตรียมความพร้อมและการรับมือกับภัยพิบัติ ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้านความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน เป็นต้น

“ทำ” — การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของชาติ รวมทั้งการแก้ปัญหาเชิงระบบและการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยจะดำเนินการต่อจากการศึกษาดูงานเพื่อให้ได้ร่างแผนงาน / โครงการ หรือแนวทางการดำเนินการของจังหวัด / กลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวข้องในแต่ละหัวข้อ

สำหรับข้อมูลรายละเอียดของการดำเนินกิจกรรมต่างๆ และองค์ความรู้เกี่ยวกับโครงการฯ นี้ ท่านสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ http://sesc.ocsc.go.th/

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๐๔ กลุ่ม KTIS จับมือ Marubeni ประสานความร่วมมือในการขายเครดิตพลังงานหมุนเวียน (REC)
๑๔:๒๐ ผู้ถือหุ้น TIDLOR อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด อัตรา 27 หุ้นสามัญ : 1 หุ้นปันผล พร้อมจ่ายเงินสด 0.2698 บ./หุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 24 เม.ย. 67 รับทรัพย์ 14
๑๔:๔๙ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว โครงการพัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลการฉ้อฉลประกันภัย
๑๔:๑๐ สสวท. เติมความรู้คู่กีฬากับ เคมีในสระว่ายน้ำ
๑๓:๐๓ ฉุดไม่อยู่! ซีรีส์ Kiseki ฤดูปาฏิหาริย์ กระแสแรง ขึ้น TOP3 บน Viu ตอกย้ำความฮอต
๑๔:๒๔ TM บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุพระราม 9
๑๔:๑๒ ผถห. JR อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น พร้อมโชว์ Backlog แน่น 9,243 ลบ.
๑๔:๕๐ กรุงศรี ร่วมมือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ในโลกธุรกิจ
๑๔:๓๔ ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 10,524 ล้านบาท
๑๔:๑๔ กรุงศรี ร่วมมือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ในโลกธุรกิจ