ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวเกิดขึ้้นจากความริเริ่่มของ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมประมง ซึ่งได้ดำเนินกิจกรรมในปีงบประมาณ 2556 ไปบางส่วนแล้ว ดังนั้น เพื่อเร่งผลักดันให้นโยบายดังกล่าวเป็นจริงให้ได้ภายในปี 2558
สำหรับงานสัมมนาวิชาการและงานแสดงสินค้า ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2015: ASEAN Seafood for the World จะถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงก่อนหรือหลัง งานแสดงสินค้า THAIFEX ในเดือนพฤษภาคม 2558 ที่กรุงเทพฯ โดยผู้ร่วมแสดงสินค้าในงานจะมาจากทั่วโลก โดยประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศจะมีพาวิลเลี่ยน ส่วนพาวิลเลี่ยนของประเทศไทยนอกจากจะประกอบด้วยผู้ประกอบการขนาดใหญ่แล้ว กรมประมงจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำสินค้าประมงของแต่ละจังหวัดมาร่วมออกบูธในงานด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มสหกรณ์ แม่บ้าน ได้ประชาสัมพันธ์สินค้าให้ผู้นำเข้าจากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม นอกจากมีการแสดงสินค้าแล้ว ภายในงานยังจะจัดสัมมนาวิชาการโดยกำหนดหัวข้อการสัมมนาเพื่อจะตอบสนองต่อกรอบการจัดงาน คือ ภูมิอาเซียนผู้ผลิตสินค้าประมงสู่ตลาดโลก (ASEAN Seafood for the World) โดยประเด็นหลักของหัวข้อสัมมนา จะประกอบด้วย การพัฒนามาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อาหารปลอดภัยและมาตรฐานสินค้าประมง การพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืน และสมดุลกับธรรมชาติ และการค้าสินค้าประมงระหว่างประเทศ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการปรับปรุงการดำเนินงานความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนให้มีการพัฒนาภาคการประมงอย่างยั่งยืน และได้รับความเชื่อมั่นจากประเทศผู้นำเข้า ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเผยแพร่รายละเอียดการจัดงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางสื่อประชาสัมพันธ์และเว็บไซด์อย่างเป็นทางการของงานดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557
ด้าน นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Seafood Hub ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมประมงเป็นผู้ดูแล การผลักดันดังกล่าวจะใช้โอกาสจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในการขยายฐานการผลิตและการค้าร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าประมงไทยในตลาดโลก ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้ดำเนินงานมาแล้ว 1 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 และจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง และการเสวนาที่จัดขึ้น โดยมี ดร.สมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย, ดร. พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย , คุณส่องแสง ปทะวานิช ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และ กรรมการบริหาร สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย , คุณไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย , ดร. วราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาการประมงต่างประเทศ ทำให้ภาครัฐรับรู้ถึงทิศทางที่ดีในการปรับปรุงและเร่งดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Seafood Hub รมช ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ได้กำหนดเป้าหมายพัฒนาภาคการประมงสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าสินค้าประมง (Seafood Hub) ภายในปี 2558 เนื่องจากเล็งเห็นของความสำคัญในภาคการประมงไทยที่สร้างรายได้ให้ประเทศ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกในปี 2555 มากกว่า 264,000 ล้านบาท ว่า ไทยสามารถสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับระบบการผลิตสินค้าประมงในประเทศ และสร้างฐานการผลิตร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าประมงไทยไปยังตลาดโลกได้