มาสเตอร์คูล แบรนด์ไทยเจ้าตลาดนวัตกรรมสร้างลมเย็นที่ทั่วโลกยอมรับเดินหน้าเกมการตลาด หวังเขมือบแชร์ในเอเชียด้วยนวัตกรรมสินค้าตอบโจทย์ครัวเรือน หลังดันยอดในกลุ่มลูกค้าองค์กร ได้สำเร็จในภูมิภาคตะวันออกกลาง ยุโรป และซีกโลกใต้ คาดปิดฉากปี 56 มาสเตอร์คูลจะสามารถ กวาดยอดขายทั้งในและต่างประเทศได้กว่า 350 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 50% หากเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แบรนด์ผู้นำ ด้านนวัตกรรมสร้างลมเย็นระดับโลกสัญชาติไทย เปิดเผยล่าสุดว่า มาสเตอร์คูลได้เริ่มส่งสินค้าสู่ตลาดโลก ตั้งแต่ปีพ.ศ.2546 ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากสืบเนื่องจากการเป็นสินค้า สร้างความเย็นในรูปแบบใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างสอดคล้องทั่วโลก ตลอดจนการยอมรับในด้านคุณภาพสินค้าที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง รวมทั้งคุณภาพงานบริการ หลังการขายที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ทำให้ปัจจุบัน “มาสเตอร์คูล” ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ ผู้นำในกลุ่มธุรกิจนี้ ทั้งประเทศในแถบเอเชียตะวันออกกลาง ยุโรป และซีกโลกใต้ ส่งผลให้ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายของมาสเตอร์คูลในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นถึง 50% เป็นผลมาจากการนำเสนอนวัตกรรมสร้างลมเย็น เพื่อตลาดครัวเรือนทำให้สามารถเจาะได้ทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กรและครัวเรือน
“ในช่วง 6-7 ปีแรกในการรุกตลาดต่างประเทศนั้น มาสเตอร์คูลมุ่งเข้าหากลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก ทำให้เรา ต้องมีความพร้อมในด้านทีมสินค้าและบริการเพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่มนี้อย่างมาก ซึ่งถือเป็นผลดีต่อเนื่อง เมื่อวันนี้เราได้นำเสนอสินค้าเพื่อตอบความต้องการของกลุ่มครัวเรือน ทำให้เรามีจุดขายด้านบริการหลังการขาย ที่เหนือกว่า โดยในช่วงแรกเรามีตัวแทนในต่างประเทศประมาณ 30 ราย แต่ ณ ปัจจุบัน เราขยายจำนวนสู่ 50 ราย ในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก” นายนพชัย วีระมาน กล่าว
ด้านกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าในที่มีขนาดเล็กลงและสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ถือเป็นกลยุทธ์ขยาย ความสำเร็จของมาสเตอร์คูล ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา “ทีมวิจัยและพัฒนาของเราพยายามค้นคว้าจนได้สินค้า ที่ตอบโจทย์กลุ่มครัวเรือน ทำให้เราสามารถรุกตลาดต่างประเทศด้วยสินค้าใหม่และเริ่มขยายสู่ช่องทางขายใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในภูมิภาคเอเชียที่ให้การตอบรับอย่างดี ทั้งในอินเดียและอินโดนีเซีย ทั้งนี้
เพื่อเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด มาสเตอร์คูล ได้ทำการปรับโมเดลช่องทางการขายจากเดิมที่ให้เอกซ์คลูซีฟ ประเทศละ 1 ราย ปรับสู่การเปิดโอกาสทางการแข่งขันและคัดสรรตัวแทนขายอย่างเหมาะสม ในแต่ละกลุ่มสินค้า ทำให้สามารถเจาะตรงเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมให้แต่ละตัวแทนทำกิจกรรม ส่งเสริมการขายด้วยตนเอง โดยมาสเตอร์คูลจะวางกรอบการบริหารด้านแบรนด์ให้และมีงบกลางในการสนับสนุน ด้านการตลาดประมาณ 6-7% ของยอดขายในต่างประเทศในแต่ละปี พร้อมเปิดโอกาสให้ตัวแทนในแต่ละประเทศ นำแนวทางดังกล่าวไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม” นายนพชัย วีระมาน กล่าวเสริม
“ปัจจุบันยอดขายในต่างประเทศของมาสเตอร์คูลอยู่ที่ 15-20% ต่อปี” นายนพชัย ชี้แจง “มีหลายประเทศที่เสนอ ให้เราเข้าไปร่วมทุนเพื่อตั้งโรงงานในประเทศนั้นๆ เพื่อขยายโอกาสทางในการเติบโตและสามารถลดต้นทุน ในการผลิตและขนส่ง ซึ่งปัจจุบันเรากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนด้านนโยบาย OEM เรายังไม่มีแผน ในเรื่องดังกล่าว”
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา มาสเตอร์คูล สามารถสร้างยอดขายในตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 30 ล้านบาท โดยคาดว่า ปิดฉากปี 56 มาสเตอร์คูล จะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 50 ล้านบาท “ผมมองว่าตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และซีกโลกใต้ ยังคงเป็นโอกาสของกลุ่มลูกค้าองค์กร ในขณะที่ตลาดครัวเรือนน่าจะเป็นของ กลุ่มประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 58 ช่วงเออีซี ผมมั่นใจว่าโอกาสของมาสเตอร์คูลต้องเพิ่มสูงขึ้น เพราะปัจจุบันเราได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกรมส่งเสริมการส่งออกให้ได้ร่วมคณะเพื่อแนะนำสินค้าคุณภาพของไทยสู่ตลาดสากล ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการขยายตลาด” นายนพชัย กล่าวสรุป