กิจกรรมเปิดโครงการ “Michelin Safe on the Road : Junior Bike Rally มิชลินสอนน้อง ปั่นปลอดภัย เข้าใจกฎจราจร” จัดขึ้นในบรรยากาศสนุกสนาน สดชื่น และร่มรื่น ภายในสวนรถไฟที่ถูกเนรมิตขึ้นให้เป็นท้องถนนเสมือนจริง เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความตั้งอกตั้งใจในการเรียนรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัยของน้องๆ ระดับประถมศึกษากว่า 300 คน อายุระหว่าง 7-12 ปี จากโรงเรียนนำร่องที่เข้าร่วมโครงการอย่าง โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์ และโรงเรียนวัดบัวขวัญ ซึ่งมีพี่มิชลินแมนคอยต้อนรับและเป็นกำลังใจให้น้องๆอย่างเต็มที่ โดยนายเสกสรรค์ ไตรอุโฆษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มสยามมิชลิน กล่าวในโอกาสที่ไปร่วมกิจกรรมเปิดโครงการในวันนี้ว่า “มิชลินได้ให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยในการเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่จัดขึ้นคือการเสริมสร้างทักษะความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้กับเด็กและเยาวชน โดยร่วมกับโรงเรียนต่างๆ 16-17 โรงเรียนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในทุกๆ ปี เนื่องจากสถิติซึ่งรวบรวมโดยกรมขนส่งทางบกพบว่า รถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือรถจักรยานยนต์ ซึ่งผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ ถึงร้อยละ 86 ไม่สวมหมวกนิรภัย นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 70 ของผู้ประสบอุบัติเหตุเป็นคนในชุมชนและหมู่บ้าน ตามถนนสายรองต่างๆ โดยมีสถิติเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถึงปีละกว่า 700 ราย มิชลินจึงเล็งเห็นความสำคัญของการรณรงค์ให้เด็กไทยมีความรู้เกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย และมีวิธีป้องกันอุบัติเหตุโดยการสวมหมวกกันน็อค”
“กิจกรรม “Michelin Safe on the Road : Junior Bike Rally มิชลินสอนน้อง ปั่นปลอดภัย เข้าใจกฎจราจร” เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ทักษะการขับขี่อย่างปลอดภัยเบื้องต้น หลังไปรับจักรยานที่น้องๆ ทุกคนจะใช้เป็นยานพาหนะ พร้อมหมวกกันน็อคมิชลิน และกระเป๋าเป้คู่กายที่มีคู่มือภารกิจนักปั่น ไว้พร้อมสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับการขับขี่ปลอดภัยทั้ง 5 สถานีการเรียนรู้ อาทิ สถานีตาดีได้ตาร้ายเสีย ให้น้องๆ ได้ทดสอบด้านสายตาเพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน สถานีตั้งสติก่อน Start น้องๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความพร้อมก่อนการออกเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของการแต่งกาย ยานพาหนะ หรือการตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆ เช่นการเติมลมยาง สถานีใช่หรือมั่วชัวร์หรือไม่ สอนน้องๆ ให้เรียนรู้เรื่องกฎจราจร มารยาทในการขับขี่ การคาดเข็มขัดนิรภัย และการสวมหมวกกันน็อคที่ถูกต้อง สถานีป้ายจราจรชวนสนุก น้องๆ ได้รู้จักกับสัญลักษณ์และความหมายของป้ายจราจรต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจากสถานีต่างๆ แล้ว น้องๆ ยังได้เรียนรู้เรื่องอุบัติเหตุเพิ่มเติมจากสถานีเมาไม่ดี เมาไม่ขับ จากพี่ๆ ทีมงานมูลนิธิเมาไม่ขับที่ได้มาให้ความรู้เรื่องสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่เราสามารถป้องกันได้ รวมถึงให้ความรู้เรื่องการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์อีกด้วย”
ด้านน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ “Michelin Safe on the Road : Junior Bike Rally มิชลินสอนน้อง ปั่นปลอดภัย เข้าใจกฎจราจร” อย่าง ด.ญ.ธัญธิดา บุญยศ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตัวแทนจากโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ เล่าว่า “กิจกรรมในวันนี้สนุกมากค่ะ ได้เรียนรู้ทักษะการขี่จักรยาน การฝึกดูเครื่องหมายจราจร มารยาทในการขับขี่ ทำให้หนูนำความรู้ที่ได้จากกิจกรรมในวันนี้ไปใช้ได้จริง และยังได้มาปั่นจักรยานร่วมกับเพื่อนๆ หลายๆ โรงเรียนอีกด้วยค่ะ” อีกหนึ่งตัวแทนจากโรงเรียนวัดบัวขวัญ ด.ช.ภานุพงศ์ ไกรศรี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พูดถึงความประทับใจในวันนี้ว่า “ผมชอบขี่จักรยานเล่นกับเพื่อนๆ หลังเลิกเรียนอยู่แล้วครับ วันนี้ดีใจมากๆ ได้มาร่วมกิจกรรมของมิชลิน ทำให้รู้เกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงเครื่องหมายจราจร ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกเช็คลมยาง สูบลมยางด้วยตนเองซึ่งผมสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันครับ”
อีกหนึ่งตัวแทนเยาวชน ด.ช.ทรงพล ปันทานนท์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์ เล่าว่า “กิจกรรมวันนี้สนุกมากๆครับ ได้ขี่จักรยานและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ หลายคน ได้เจอเพื่อนใหม่ต่างโรงเรียนอีกด้วย ส่วนกิจกรรมที่ผมชอบมากที่สุดคือการสูบลมยาง เพราะผมจะกลับไปทำเองที่บ้านได้อย่างถูกวิธีตามที่พี่ๆ มิชลินสอนครับ นอกจากนี้ผมยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎจราจรที่ถูกต้องและเครื่องหมายจราจรด้วยครับ ทำให้ผมรู้ถึงความปลอดภัยบนท้องถนนที่ต้องระมัดระวัง ทั้งตัวผมและคนอื่นๆ ที่อยู่บนถนนด้วยครับ”
กิจกรรม “Michelin Safe on the Road : Junior Bike Rally มิชลินสอนน้อง ปั่นปลอดภัย เข้าใจกฎจราจร” ถือเป็นส่วนสำคัญในการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยผ่านประสบการณ์จริงจากการขับขี่ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้จริง ซึ่งจะสามารถช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกระดับหนึ่ง อันจะนำไปสู่การสัญจรอย่างยั่งยืนในสังคมต่อไป