ภูมิภาคเอเชียจะสามารถเป็นแหล่งผลิตแบรนด์ของโลกได้หรือไม่

พุธ ๑๒ มีนาคม ๒๐๑๔ ๑๓:๔๕
นิเคอิ เอเชี่ยน รีวิว นิตยสารรายสัปดาห์ฉบับภาษาอังกฤษ รายงานข่าวและถ่ายทอดทุกเรื่องราวจากทั่วทั้งเอเชียสู่สายตาคนทั้งโลก ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเอเชีย รวมไปถึงประเทศไทยที่เป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเป็นฐานการผลิตของแบรนด์ระดับโลก

ปัจจุบันนี้มีแบรนด์ใหญ่ชั้นนำมากมายที่ผลิตสินค้าในประเทศแถบเอเชียรวมไปถึงประเทศไทย เนื่องจากในภูมิภาคเองนั้นได้มีการสร้างเสริมความแข็งแกร่งทั้งในด้านเทคโนโลยีและด้านการเงิน ซึ่งทำให้ภูมิภาคดูมีความสามารถที่จะผลิตสินค้าแบรนด์ระดับโลกได้เพิ่มมากขึ้น

แบรนด์สินค้าเอเชียที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดจากการรายงานของ U.S. consultancy Interbrandคือ ซัมซุง อิเลคทรอนิกส์ แบรนด์จากประเทศเกาหลีใต้ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 8 ของการจัดอันดับรายชื่อ 100 แบรนด์ใหญ่ระดับโลกประจำปี พ.ศ.2556 โดยซัมซุงเป็นหนึ่งใน 10 แบรนด์จากเอเชียที่ติดอันดับ ซึ่งจัดทำโดย Interbrand

การที่แบรนด์จะติดอันดับอยู่ใน Interbrandได้นั้น แบรนด์นั้นๆ จะต้องปรากฎตัวอยุ่ในทวีปสำคัญทั้งสามทวีปและมีการรายงานข่าวถึงแบรนด์นั้นๆ อย่างกว้างขวางในตลาดเกิดใหม่ และต้องมีรายได้เป็นจำนวน 30% ที่มาจากตลาดในภูมิภาคอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตลาดต้นกำเนิดของแบรนด์เอง ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วนั้นตลาดเอเชียไม่ได้เคลื่อนไหวหรือมีบทบาทในเรื่องของการพัฒนาเครื่องหมายการค้าระดับสากลมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานขนาดนั้น

แม้ในขณะนี้แบรนด์สินค้าต่างๆ ที่เกิดในเอเชียนั้นดูเหมือนจะมีราคาและคุณค่าเทียบได้ไม่เท่ากับแบรนด์จากฝั่งตะวันตก มีเพียง 2-3 แบรนด์เท่านั้นที่กลายเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก

เรดบูล (Red Bull)

เรดบูล เป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดในเอเชียแต่แบรนด์ได้ไปเติบโตในยุโรป เครื่องดื่มชูกำลังเรด บูล นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากเครื่องดื่มชูกำลังของไทยที่มีชื่อว่ากระทิงแดง โดยชื่อแบรนด์นั้นได้ถูกแปลเป็น “Red Gaur” (gaur แปลว่ากระทิง) ซึ่งเป็นสัตว์จำพวกวัวควายอาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กระทิงแดงผลิตโดยบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตยาชั้นนำของเมืองไทย โดยมีส่วนผสมที่กระตุ้นให้เกิดความกระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวา เช่น คาเฟอีน และทอรีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่เชื่อว่าจะเป็นตัวเร่งสมรรถนะทางด้านความแข็งแรงและว่องไว ในกรุงเทพฯ สินค้าขนาด 150 มล. ราคาอยู่ที่ประมาณ 10 บาท (30 เซนต์)

ปัจจุบันมีเครื่องดื่มชูกำลังวางจำหน่ายอยู่มากมายในตลาด ตัวอย่างเช่นที่ญี่ปุ่นมีเครื่องดื่มชูกำลังวางจำหน่ายเต็มชั้นวางสินค้า

เรดบูลกลายเป็นแบรนด์ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกนี้ได้อย่างไร

เรดบูลสร้างปรากฎการณ์ให้เป็นแบรนด์ระดับโลกได้โดยเริ่มจากนายดีทริช เมเทสซิทซ์ นักลงทุนชาวออสเตรียผู้เล็งเห็นว่าสินค้าตัวนี้จะสามารถทำเงินให้กับเขาได้ นายดีทริชจึงได้ติดต่อนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งการลงทุนร่วมในยุโรป และในปี พ.ศ.2527 ทั้งคู่ได้สร้างแบรนด์ เรดบูลร่วมกัน โดยนายดีทริชได้ถือครองหุ้น 49% และที่เหลือเป็นของนายเฉลียวและครอบครัว

หลังจากนั้นทางบริษัทได้ปรับเปลี่ยนเครื่องดื่มให้เหมาะกับชาวตะวันตก หนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญคือการเพิ่มส่วนผสมของคาร์บอเนตลงไป

เรดบูลเริ่มตีตลาดยุโรปในปี พ.ศ.2530 และในอีก 10 ปีต่อมา เรดบูลได้เข้ามาจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเป็นสินค้าที่มีราคาสูงกว่ากระทิงแดงเป็นอย่างมาก วางจำหน่ายในราคาประมาณ 60 บาทสำหรับกระป๋องขนาด 250 มล. ถึงกระนั้นแล้วผู้บริโภคล้วนต่างพอใจที่จะเลือกเครื่องดื่มชูกำลังนี้

ในปี พ.ศ.2556 เรดบูลมียอดจำหน่ายทั่วโลกถึง 5.88 พันล้านกระป๋อง ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% บริษัทฯ ได้ประกาศยอดขายเป็นเงิน 5.04 พันล้านยูโร ซึ่งเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 2.2%

ตัวเลขจำนวนมหาศาลดังกล่าวนั้นมาจากการทำการตลาดเป็นส่วนใหญ่ บริษัทฯ จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายอย่างไม่อั้นด้วยการว่าจ้างบริษัทที่เชี่ยวชาญการตลาดเข้ามาช่วย โลโก้สินค้าถูกปิดประกาศไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามกิจกรรมกีฬาผาดโผนต่างๆ เช่น กิจกรรม Infiniti Red Bull Racing ซึ่งเป็นทีมแข่งฟอร์มูล่าวันของบริษัท โดยมีประวัติการแข่งระดับโลกชนะ 4 ครั้งติดกัน

ไจแอนท์ (Giant)

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในการขี่จักรยาน พลาดไม่ได้ที่จะต้องแวะร้านจักรยานไจแอนท์ซึ่งเป็นแฟลกชิพ สโตร์ ในย่านใจกลางเมืองไทเป จากคำบอกเล่าของพนักงานหน้าร้านพบว่านักท่องเที่ยวชาวอเมริกันและชาวยุโรปมักจะซื้อจักรยานไจแอนท์ครั้งละ 3-4 คัน

จักรยานแบรนด์ไจแอนท์มีให้เลือกมากมายหลากหลายประเภททั้งสำหรับขี่บนถนนและจักรยานเสือภูเขา ซึ่งรวมไปด้วยรุ่นต่างๆ อาทิ มีน้ำหนักเบา สมรรถนะชั้นสูงพร้อมด้วยโครงจักรยานที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 52,800 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีเป็นอย่างมากที่ร้าน

จักรยานจากประเทศไต้หวันไม่ได้เป็นที่ต้องการเสมอไป บริษัท ไจแอนท์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2515 ในเมืองไทจง ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางของเกาะ คิง หลิว ผู้ก่อตั้งแบรนด์จักรยานไจแอนท์นั้นไม่ได้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขี่จักรยาน แต่เป็นเจ้าของฟาร์มปลาไหล เมื่อธุรกิจฟาร์มปลาไหลของเขาถูกพายุไต้ฝุ่นทำลายล้างจนเกลี้ยง หลิวจึงหันไปทำธุรกิจใหม่

หลิวเริ่มทำธุรกิจจักรยานไจแอนท์ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ต่อมาบริษัทฯ ได้ใส่ชื่อแบรนด์ลงบนโครงจักรยานในปี พ.ศ.2524 แม้ว่าจะมีจักรยานหลายต่อหลายรุ่นจากประเทศไต้หวัน แต่เมื่อเทียบคุณภาพแล้ว ยังด้อยกว่าจักรยานจากแบรนด์ฝั่งตะวันตก

หลิวได้เริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการพัฒนาแบรนด์ไจแอนท์ในปี พ.ศ.2529 โดยเขาได้จัดตั้งทีมดำเนินงานแบรนด์ไจแอนท์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเชื่อว่าเป็นประเทศในยุโรปที่จะขยายความสำเร็จของแบรนด์สู่ระดับโลก หลิวได้เฟ้นหาและว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเรื่องจักรยานซึ่งเป็นชาวยุโรป โดยเป็นบุคคลที่สาธารณะรู้จักกันทั่วว่าเป็นผู้ที่มีความชำนาญทางด้านวิศวกรรมจักรยาน เพื่อเข้าร่วมหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ

การขยายหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ด้วยความช่วยเหลือจากดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ จักรยานไจแอนท์ได้พัฒนานวัตกรรมของโครงจักรยานที่สามารถลดแรงต้านอากาศ โดยทางแบรนด์ได้วางจำหน่ายจักรยานเสือภูเขาหลายรุ่นซึ่งเป็นที่ต้องการอยู่ในขณะนั้น

ครั้งหนึ่ง แบรนด์ไจแอนท์เป็นเพียงแค่ธุรกิจจักรยานเล็กๆ ซึ่งต่อมาได้สร้างชื่อเสียงในยุโรปในฐานะผู้ผลิตจักรยานสมรรถนะชั้นสูง ซึ่งทำให้บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจไปยังตลาดอื่นๆ

ปัจจุบันนี้ จักรยานไจแอนท์ยังคงมียอดขายและกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ในประเทศจีนกลายเป็นตลาดสำคัญของบริษัทฯ แม้ว่าจักรยานจะมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยแล้ว จักรยานไจแอนท์วางจำหน่ายในประเทศจีนราคาอยู่ที่ประมาณ 10,560 บาท ต่อคัน ซึ่งเป็นราคาสองเท่าของจักรยานจากคู่แข่งอื่นๆ

คูรอน (Couronne)

แบรนด์สินค้าจากเอเชียยังสามารถทำให้วงการแฟชั่นสั่นสะเทือนได้อีกด้วย โดยแบรนด์คูรอน (Couronne) จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตกระเป๋าถือและเครื่องประดับก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2552 ได้ปรากฎโฉมบนเวทีแคทวอล์คในยุโรป

แบรนด์คูรอนถูกสร้างสรรค์โดยดีไซเนอร์ ซ็อกจอง ฮเย โดยในปี พ.ศ.2553 คูรอนได้ถูกควบรวมกิจการโดย โคลอน อินดัสทรี ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์และวัตถุดิบรายใหญ่ของเกาหลีใต้

คูรอนได้ขยายร้านอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก

ซ็อก ซึ่งในขณะนี้ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นดีไซเนอร์หลัก และได้ค้นพบว่าในตลาดแฟชั่นนั้นได้มีการแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มตลาดแฟชั่นราคาต่ำ และกลุ่มตลาดแฟชั่นระดับบน โดยคูรอนพุ่งเป้าไปยังช่องว่างของตลาดทั้งสองดังกล่าว กระเป๋าของคูรอนมีจุดเด่นในการใช้สีสด และทำจากหนังเป็นส่วนใหญ่ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท

บลุมเบิร์ก สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกากล่าวถึงแบรนด์คูรอนว่าเป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบนจากเอเชียที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกอย่างหลุยส์ วิตตอง

คูรอนมีโรงงานผลิตกระเป๋าของตนเองในเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมคุณภาพและราคาอย่างเข้มงวด ทางแบรนด์เองได้มีการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ยอดขายที่ถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของคูรอนนั้นสูงถึง 50% ในปี พ.ศ.2556 ซึ่งมีมูลค่าถึง 1,800 ล้านบาท โดยทางแบรนด์มีการขยายสาขาสูงถึง 40% ไปยังที่ต่างๆ กว่า 65 สถานที่

ในปีนี้ คูรอนวางแผนว่าจะเพิ่มสัดส่วนของสินค้าใหม่ๆ สูงถึง 60%

แบรนด์สินค้าที่น่าจดจำจากเอเชีย

จิออร์ดาโน (Giordano) แบรนด์เสื้อผ้าลำลองจากฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ เช่นเดียวกันกับแบรนด์ อิปา-นิมา (Ipa-Nima) จากเวียดนามซึ่งจำหน่ายกระเป๋าถือ

นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมห้าดาวหลายรายจากเอเชียที่ขยับขึ้นเป็นแบรนด์ระดับโลก เช่น โรงแรมและรีสอร์ทของแชงกรีล่าจากฮ่องกง (Shangri-La Hotels and Resorts) และอามันรีสอร์ท (Aman Resorts) จากสิงคโปร์ล้วนเป็นแบรนด์ที่สร้างมาเป็นอย่างดีและสามารถต่อกรกับโรงแรมต่างๆ จากตะวันตกได้

อิปา-นิมา (Ipa-Nima) แบรนด์กระเป๋าถือที่มีชื่อเสียงจากเวียดนามที่สร้างชื่อด้วยคุณภาพของสินค้า โดยกลุ่มลูกค้าคือผู้หญิงทำงานอายุ 25 ปีขึ้นไป

อีกหนึ่งแบรนด์ที่ดูเหมือนว่าจะเจริญรอยตามแบรนด์ซัมซุง (Samsung) คือ หัวเว่ย เทคโนโลยี (Huawei Technology) แบรนด์ไอทีจากประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์การสื่อสาร โดย ณ ปัจจุบัน ทางแบรนด์ได้ทำการตลาดอย่างแข็งขันในตลาดต่างประเทศ

และนี่เป็นเพียงแบรนด์ไม่กี่แบรนด์จากเอเชียที่โลกจะได้เห็นเพิ่มมากขึ้น

รวบรวมจากรายงานโดยทีมข่าวนิเคอิ: คาซึนาริ ยามาชิตะ ประจำในกรุงไทเป โคอิชิ คาโตะ ประจำกรุงโซล คัทสึฮิโกะ ฮาระ ประจำกรุงเจนีวา ทามากิ เคียวซึกะ ประจำที่กรุงเทพฯ และ จุน ซูซุกิ ประจำในกรุงโตเกียว

สื่อมวลชนสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

เมธาวรินทร์ มณีกูลพันธ์ | หุ้นส่วน

โทร. (66) 2260 5820#115 แฟกซ์ (66) 2260 5847-8

อีเมล์ [email protected]

วรวรรณ ครุฑวณิชนนท์ | ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์

โทร. (66) 2260 5820 #125 แฟกซ์ (66) 2260 5847-8

อีเมล์ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?