ภาคประชาชนและประมงพื้นบ้านเรียกร้องสิทธิการจัดการทะเลร่วมกับรัฐและเอกชนเพื่อกู้วิกฤติทะเลและแรงงานทาส

พฤหัส ๒๘ สิงหาคม ๒๐๑๔ ๑๒:๓๐
องค์กรพัฒนาเอกชนและกลุ่มประมงพื้นบ้านเรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชนทำงานร่วมกับชุมชนชายฝั่งอย่างใกล้ชิดมากขึ้นนับจากนี้ โดยบังคับใช้กฎหมายและออกมาตรการควบคุมเพื่อให้แน่ใจว่าสัตว์น้ำที่ได้มาจากการทำประมงถูกกฎหมายและยั่งยืน ปราศจากแรงงานทาส พร้อมแสดงความเป็นห่วง หวั่นวิกฤตการณ์ทรัพยากรทะเลไทยและการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะเลวร้ายกว่าเดิม หลังจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองส่งผลให้ขบวนการมีส่วนร่วมอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรของชุมชนชายฝั่งเกิดความไม่แน่นอน

ข้อเรียกร้องนี้มีขึ้นในงาน เสวนาสาธารณะหัวข้อ “ทางออกประมงไทย เมื่อมนุษย์และทะเลถูกกระทำ” โดยผู้แทนจากกรมประมง ภาคเอกชน ทั้งผู้ประกอบการประมง ผู้รับซื้ออาหารทะเล องค์กรพัฒนาเอกชน และประมงพื้นบ้าน ต่างเห็นพ้องว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในเชิงเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม เป็นผลพวงมาจากการทำประมงแบบทำลายล้างแทบทั้งสิ้น

“สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งกับทรัพยากรทางทะเลของไทย และแรงงานประมงเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบการจัดการทรัพยากรทะเลในปัจจุบัน ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่รัฐ บริษัทผู้รับซื้อสัตว์น้ำ และผลิตอาหารทะเลต้องหันมาร่วมมือกับชุมชนออกแบบแผนการบริหารจัดการทะเลไทยที่จะเอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย” นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยกล่าว

นายบรรจงเสริมว่า ไม่แปลกใจเลยที่บริษัททั้งหลายมองทะเลเป็นเพียงแหล่งวัตถุดิบอาหาร “กฎหมายประมงที่ล้าสมัยและแนวความคิดของภาครัฐส่งเสริมให้บริษัทเอกชนมองทะเลว่าเป็นแหล่งทรัพยากรเพื่อการใช้ประโยชน์ เนื่องจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นหนึ่งในระบบการผลิตอาหารที่เติบโตเร็วที่สุด มีมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกราว 150 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ความต้องการวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นได้เร่งให้ระบบการผลิตอาหารของโลกขาดความยั่งยืน มีการประมาณว่าเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์น้ำผลพลอยได้และสัตว์น้ำขนาดเล็กที่จับได้ ถูกส่งเข้าสู่กระบวนการผลิตอาหารสำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ”

ต่อประเด็นปัญหานี้ นายมาโนช รุ่งราตรี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาประมงทะเล กรมประมง กล่าวว่า ทางกรมฯ จะเร่งผลักดันการประกาศยกเลิกเครื่องมือประมงทำลายล้าง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้อวนตาห่างขนาด 4 ซมเป็นอย่างน้อย เพื่อฟื้นฟูประชากรสัตว์น้ำโดยเฉพาะสัตว์น้ำวัยอ่อน หลังจากมีผลการทดลองชัดเจนว่า 27% ของปลาตัวเล็กจะมีโอกาสรอด โดยทางกรมได้มีการพูดคุยกับเรือประมงเรื่องนี้เพื่อหาข้อตกลง และจะส่งเรื่องนี้ไปที่ระดับจังหวัด เรื่องผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด

ส่วนที่นายสวัสดิ์ คำสุข รองกรรมการผู้จัดการ ด้านควบคุมและประกันคุณภาพบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (ซีพี) อ้างว่าจะแก้ไขปัญหาแรงงานอย่างจริงจัง โดยเปิดแผนการลงบันทึกการถ่ายรูป การลงทะเบียนเรือให้มีความชัดเจน พร้อมระบุว่า ภายในปี 2560 จะรับซื้อปลาเป็ดที่มีความยั่งยืน สามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปได้ชัดเจนว่าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และไม่ได้มาจากแรงงานทาสเท่านั้น โดยยังหมายรวมถึงการใช้ตาอวนที่มีขนาดกว้าง 4 ชม. ขึ้นไป อีกทั้งบริษัทกล่าวว่าจะเปิดเวทีพูดคุยกับเครือข่ายประมงพื้นบ้านโดยตรง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ข้อเสนอเหล่านี้ได้รับความเห็นพ้องจากผู้ร่วมเสวนาเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ในเชิงปฏิบัตินั้น ต้องมีการสนับสนุนและผลักดันอย่างเข้มแข็งจากภาครัฐมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานฝ่ายรณรงค์และนโยบาย อ็อกแฟมประเทศไทย กล่าวว่า “ภาคประชาสังคมและประชาชนต้องตระหนักถึงความสำคัญในปัญหานี้ร่วมกัน และต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อพัฒนากฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายที่ดีขึ้น และพัฒนามาตรฐานการรับซื้อวัตถุดิบของภาคธุรกิจ โดยกระบวนการต่างๆ ต้องยืนอยู่บนหลักการการมีส่วนร่วมอย่างเปิดเผย โปร่งใส และส่งเสริมสิทธิชุมชนประมงชายฝั่ง”

เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่ประมงพาณิชย์ได้ทำประมงโดยปราศจากการควบคุมเนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมและที่เกี่ยวข้องกับประมงที่อ่อนแอ จนทำให้ขณะนี้สัตว์น้ำแทบไม่เหลือ ผลการวิจัยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเรื่อง “การจัดทำแผนที่ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมการผลิตปลาป่นในจังหวัดสงขลาเพื่อสนับสนุนการหารือปรับปรุงมาตรฐานความยั่งยืน” ที่จัดทำโดยบริษัทป่าสาละ และอ็อกแฟม พบว่าผู้ผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นลูกค้าปลาป่นรายหลักจะเริ่มให้ความสำคัญกับการจัดซื้อวัตถุดิบที่ยั่งยืนมากขึ้นเพราะแรงกดดันของผู้ซื้ออาหารแช่แข็งโดยเฉพาะในทวีปยุโรป แต่จำนวนผู้ผลิตที่หันมาใส่ใจก็ยังเป็นจำนวนน้อยมากคือไม่ถึง 10 ราย

จากการสำรวจอุตสาหกรรมปลาป่นในจังหวัดสงขลา ทีมวิจัยพบว่า ผู้ผลิตอาหารสัตว์โดยรวมยังไม่สนใจวิธีในการจับปลามาเป็นวัตถุดิบผลิตปลาป่น ปลาป่นที่ผลิตจากปลาเป็ดที่ถูกจับมาด้วยอวนลากและอวนรุนที่ขูดพื้นทะเลและทำลายระบบนิเวศน์ต่างๆ จึงขายได้ ทำให้เรือประมงพาณิชย์บางส่วนยังคงจับปลาโดยใช้อุปกรณ์ทำลายล้างเช่น อวนรุนอวนลากต่อไป จังหวัดสงขลาเป็นผู้ผลิตปลาป่นรายใหญ่อันดับ 1 ของภาคใต้และอันดับ 2 ของประเทศ ในจำนวนสัตว์น้ำทั้งหมดที่ชาวประมงจับได้ มีปลาเป็ดเป็นสัดส่วนมากถึง 57% โดยส่วนใหญ่เป็นปลาเศรษฐกิจที่ไม่โตเต็มที่ ส่งผลให้ความสมดุลของบระบบนิเวศน์และห่วงโซ่อาหารในทะเลเสียไปอย่างรุนแรงเช่นในปัจจุบัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๓ เซ็นทารา เปิดตัว โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ โรงแรมไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ใจกลางเมือง พร้อมอิสระแห่งการเดินทาง
๑๐:๐๙ THE GAIN ยกขบวนวิทยากรระดับประเทศ มุ่งสู่งานสัมมนา การเทรดและลงทุนปี 2024
๑๐:๒๗ W เผย IFA หนุนเพิ่มทุน 2.5 พันล้านหุ้นขาย PP รับแผนเข้าถือหุ้นฟรุตต้าฯ 51% พร้อมปลดล็อก CBC
๑๐:๓๐ ผถห.TFG โหวตหนุนแจก TFG-W4 ฟรี! อัตรา 10 : 1 ราคาใช้สิทธิ 3.80 บ.พร้อมจ่ายปันผลเงินสด 0.01 บ./หุ้น ปักธงปี 67 รายได้โต 10%
๑๐:๑๙ ASIA เตรียมขายหุ้นกู้มีหลักประกัน มูลค่า 300 ลบ. อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 7 - 7.20% มูลค่าหลักประกันเฉียด 1,600 ลบ. คาดเปิดจองซื้อวันที่ 27 - 29 พ.ค.
๑๐:๓๘ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประกาศรวมอัตลักษณ์องค์กรในระดับโลก ด้วยการรีแบรนด์ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เป็น ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์
๑๐:๕๔ ยูนิโคล่ร่วมกับมารีเมกโกะ เปิดตัว UNIQLO x Marimekko คอลเลคชันลิมิเต็ดเอดิชันประจำฤดูร้อน 2024 เติมเต็มความสดใสให้ซัมเมอร์ ในธีม Joyful Summer
๑๐:๔๒ TERA ฟอร์มเจ๋ง! เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 122.86% ลุยให้บริการ T.Cloud รับอนาคตธุรกิจคึกคัก ปักหมุดผลงาน 3 ปีเติบโตเฉลี่ยเกิน
๑๐:๐๙ โบรกฯ แสกน GFC ส่งซิก Q1/67 พุ่ง
๑๐:๐๐ ผถห. WINMED ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.0295 บ./หุ้น-รับเงิน 21 พ.ค.นี้ รุกตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก เพิ่มรายได้ประจำผถห. ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โตเกิน 20%