พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมต่างๆ และได้รายงานผลการดำเนินงานมาให้ที่ประชุมรับทราบ โดยกรณีหญิงสาวอายุ ๒๓ ปี อุ้มลูกอายุ ๑๓ วัน ลงน้ำ ลูกหลุดมือเสียชีวิต เนื่องจากประชดสามีหลังมีปากเสียงกัน ที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งกรณีดังกล่าว พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษษ์จังหวัดปทุมธานี ได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้เสียหาย เพื่อพูดคุยให้กำลังใจ และให้อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.)ติดตามดูแลสภาพความเป็นอยู่ พร้อมประสานงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษษ์จังหวัดนครนายก เพื่อเยี่ยมบ้านดูแลสภาพจิตใจของผู้เป็นแม่ เนื่องจากปัจจุบันกลับไปอยู่ที่ จ.นครนายก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ลงพื้นที่ประสานความช่วยเหลือด้านต่างๆ พร้อมทั้งมอบเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน ให้กับผู้ประสบปัญหาทางสังคมดังนี้ ๑) กรณีชายชราวัย ๗๕ ปี ถูกหลานสาวหลอกพามาทิ้งไว้ที่อนุสาวรีย์ โดยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษษ์จังหวัดลพบุรี ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน มีการสอบข้อเท็จจริงทราบว่าชายชราตั้งใจจะไปงานศพญาติที่ จ.นครปฐม แต่หลงทาง และไม่ได้ถูกหลอกตามที่ปรากฎในข่าว ซึ่งขณะนี้ได้เดินทางกลับไป จ.ลพบุรี แล้ว ๒) กรณีหญิงวัย ๔๒ ปี มีชีวิตลำบาก ต้องดูสามีที่พิการ ลูกชายป่วยเป็นอัมพาต และอุปการะหลานกำพร้าวัย ๑๐ ขวบ ที่ จ.พิษณุโลก ๓) กรณี ด.ช.อายุ ๙ ปี น้ำหนัก ๘๐ กก. พิการท่อนล่างเดินไม่ได้ ที่ จ.ชลบุรี ๔) กรณีหญิงอายุ ๓๔ ปี ป่วยเป็นโรคอ้วนน้ำหนัก ๒๐๐ กก. ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่ จ.บุรีรัมย์ และ ๕) กรณี DSI บุกช่วยเหลือหญิงลาว จำนวน ๑๓ คน ที่ถูกบังคับค้าประเวณี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษษ์จังหวัดชุมพร เข้าร่วมคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พบว่าเป็นหญิงอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ๖ คน และอายุเกิน ๑๘ ปี ๗ คน ทางเจ้าหน้าที่จึงนำส่งตัวเด็กหญิงผู้เสียหายทั้ง ๖ คน ที่อายุต่ำกว่า ๑๘ ปี เข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพชั่วคราวที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร ส่วนที่เหลืออีก ๗ คน ได้ส่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณี ด.ช.ชุติภาส โสประโคน อายุ ๑๔ ปี รับจ้างทำงานเพื่อเลี้ยงดูยายและน้อง ๕ คน จนหมดสิทธ์สอบ ที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งกรณีดังกล่าว ตนขอชื่นชมและให้เป็นตัวอย่างของเยาวชน ในด้านความกตัญญู พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือระยะยาว และกรณีหญิงสาว วัย ๒๓ ปี ที่พิการจากการฉีดวัคซีนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เมื่อ ๒๓ ปีก่อน ที่ จ.หนองบังลำภู จากกรณีดังกล่าว ตนได้สั่งการไปยังพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษษ์จังหวัดหนองบัวลำภู ให้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้ความช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้ “ตนได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ ทบทวนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ถึงการขับเคลื่อนงานของศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC เพื่อบูรณาการการทำงานช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาทางสังคมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวตอนท้าย.