รศ.อดิศักดิ์ พงษ์พูลผลศักดิ์ ในฐานะประธานสภาคณาจารย์และพนักงานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) ในฐานะองค์กรที่เป็นตัวแทนของคณาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ได้มอบหมายให้ มจธ.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการ ปอมท. ประจำปี 2557 “ อุดมศึกษา สร้างคน สร้างชาติ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภายใต้การปฏิรูปการศึกษา” ขึ้น ระหว่างวันที่ 20 - 21 พ.ย. 2557 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อให้บุคลากรในแวดวงอุดมศึกษาได้ระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยน วิเคราะห์และหาแนวทางวิธีการที่เหมาะสมในการปรับปรุงและพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเคียงตามหลักสากล เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดีในสถาบันอุดมศึกษาและเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
รศ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า ในการจัดประชุมวิชาการ ปอมท.ครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาเป็นประธานในพิธี นอกจากพิธีมอบรางวัลอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติของปอมท.ประจำปี 2557 เพื่อเชิดชูอาจารย์ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศได้ยึดมั่นและปฏิบัติตามแล้ว ยังมีการจัดบรรยายพิเศษและเสวนาจากรัฐมนตรีและผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ศาสตราจารย์วิจิตร ศรีสอ้าน และศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พาณิช ร่วมด้วยอาจารย์ธนิตสรณ์ จิระพรชัย จาก มจธ. ให้เกียรติมาเสวนาเรื่อง “อดีตอุดมศึกษาล้มเหลวจริงหรือ” , นายแพทย์กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) บรรยายเรื่อง “ทิศทางอุดมศึกษาไทยในปัจจุบัน” และ“ อนาคตการปฏิรูปการศึกษา” โดยได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี และรองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) พร้อมเปิดเวทีสานเสวนากลุ่มย่อยเพื่อให้ผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรของสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอุดมศึกษาได้ทราบและเข้าใจถึงนโยบายและแนวทางการพัฒนาคุณภาพอุดมศึกษาของรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้คณาจารย์นักวิชาการและนักวิจัยจากทั่วประเทศนำผลงานวิชาการเข้าร่วมแบ่งเป็น 11 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มคุณภาพอุดมศึกษาไทย , กลุ่มประเทศไทยกับการเป็น Educational Hub ของ ASEAN , กลุ่มการปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย , กลุ่มอุดมศึกษากับการพัฒนาท้องถิ่น , กลุ่มอุดมศึกษากับการเมือง เศรษฐกิจและสังคม , กลุ่มระบบการคัดเลือกเข้าสู่สถาบันอุดมศึกษา , กลุ่มการเรียนการสอนและนวัตกรรมในระดับอุดมศึกษา , กลุ่มปัญหาและคุณภาพนักศึกษาไทย , กลุ่มการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (R-to-R) , กลุ่มงานวิจัยระดับอุดมศึกษาของไทย และกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมฯ จะมีการรวบรวมความคิดเห็นและผลสรุปที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ จะได้นำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลเพื่อพิจารณาต่อไป
ด้าน นายขจร จิตสุขุมมงคล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาสมรรถนะบุคลากร สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า การดำเนินการภายใต้กรอบแผนอุดมศึกษา ฉบับที่ 2 ระยะเวลา 15 ปี ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 – 2565 แม้จะเดินมาครึ่งทางแล้ว แต่ต้องยอมรับว่ามีความคืบหน้าเพียงด้านเดียว คือด้านการปฏิรูปองค์กรเท่านั้น ถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาคุณภาพการผลิตบัณฑิตที่ยังไม่สะท้อนหรือก่อให้ผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานในช่วงครึ่งทางที่เหลือหลังจากนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อสิ้นสุดปี 2565 จะต้องยกระดับคุณภาพอุดมศึกษาไทย เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ สามารถปรับตัวสำหรับงานที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต และพัฒนาศักยภาพอุดมศึกษาในการสร้างความรู้และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในโลกาภิวัฒน์ สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่นไทย โดยใช้กลไกลของธรรมาภิบาล การเงิน การกำกับมาตรฐาน และเครือข่ายอุดมศึกษาบนพื้นฐานของเสรีภาพทางวิชาการ ความหลากหลายและเอกภาพเชิงระบบ จึงถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นต้องมีการทบทวน ปรับแผนและกลยุทธ์กันใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน”
สำหรับการพิจารณาการคัดเลือกผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเพื่อพิจารณาเป็นอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติของปอมท.ประจำ 2557นั้น ศ.คลินิก นายแพทย์ วิรุณ บุญนุช ประธานที่ประชุมสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) กล่าวว่า ในแต่ละปีที่ประชุมสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย จะดำเนินการคัดเลือกอาจารย์ที่สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 5 ท่าน จาก 5 สาขา สาขาละ 1 ท่าน ประกอบด้วย สาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ,สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ,สาขาสังคมศาสตร์ ,สาขามนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ และสาขารับใช้สังคม โดยการพิจารณาการคัดเลือกคุณสมบัติของอาจารย์จะพิจารณาจากความรู้ความสามารถในเชิงวิชาการ ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ จริยธรรมคุณธรรม และมนุษยสัมพันธ์ การอุทิศตนเพื่อส่วนรวม โดยในปีนี้มีมหาวิทยาลัยให้ความสนใจส่งรายชื่ออาจารย์เข้ารับการคัดเลือกจากทั่วประเทศถึงกว่า 300 คน ซึ่งทางคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯ จะต้องดำเนินการพิจารณาคัดเลือกให้เลือกเพียง 1 ท่านต่อ 1 สาขา ด้วยมติของคณะกรรมการ จะคัดเลือกบุคคลที่มีคะแนนความเป็นครูมากที่สุด เช่น ในปีนี้ อาจารย์ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพในปีนี้ เป็นอาจารย์ที่ทำเรื่องโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งโรคนี้ในประเทศมีผู้ป่วยอยู่เป็นจำนวนมากขณะที่อาจารย์มีความพยายามที่จะทำผลงานด้านนี้ออกมา ส่วนสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ยังคงเป็นอาจารย์ที่สร้างผลงานทางด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ใช้ในการตรวจสอบคนไข้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับตับ เป็นต้น”