นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ของปี 2557ว่า“เครื่องชื้เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ปี 2557 สะท้อนเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากอุปสงค์ภายในประเทศโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกยังคงมีสัญญาณชะลอตัว แม้ว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในเดือนกันยายน สำหรับเศรษฐกิจด้านอุปทาน ภาคเกษตรกรรมมีการหดตัวเล็กน้อย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า”ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดในรายละเอียดพบว่า
การบริโภคภาคเอกชนในเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนกันยายน 2557 ขยายตัวร้อยละ 4.1 ต่อปี ตามการเพิ่มขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 และภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.1 ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวได้ร้อยละ 2.3 ต่อปี และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าพบว่าขยายตัวเช่นกันที่ร้อยละ 0.7 ต่อไตรมาส นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาสที่ 3 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 69.3 จากในไตรมาสที่ 2 ปี 2557 ที่อยู่ที่ระดับ 61.2 เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น ตามสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายลง และการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนขึ้น สำหรับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนกันยายน 2557 พบว่าหดตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ -4.4 ต่อปี ตามการหดตัวที่ลดลงจากยอดขายรถจักรยานยนต์ทั้งในภูมิภาคและ กทม. ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์หดตัวลดลงเช่นกันมาอยู่ที่ร้อยละ -8.1 ต่อปี โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าพบว่าขยายตัวร้อยละ 7.4 ต่อไตรมาส
การลงทุนภาคเอกชนในเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนกันยายน ที่กลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ร้อยละ 17.8 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.0 ต่อปี และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าพบว่าขยายตัวร้อยละ 7.9 ต่อไตรมาสขณะที่การลงทุนหมวดภาคเอกชนในหมวดก่อสร้างยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดขายปูนซิเมนต์ในเดือนกันยายน 2557 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -5.6 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2557 หดตัวร้อยละ -2.9 ต่อปี และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าพบว่าหดตัวเช่นกันที่ร้อยละ -2.2 ต่อไตรมาส
การส่งออกสินค้าในเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ยังคงมีสัญญาณชะลอตัว แม้ว่าจะมีสัญญาณบวกในเดือนกันยายน ที่สามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ยังคงหดตัวร้อยละ -1.8 ต่อปี สะท้อนผลจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ชี้แจงข้อมูลเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมว่า สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานยังส่งสัญญาณชะลอตัวจากภาคเกษตรกรรม ขณะที่ภาคบริการเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นโดยภาคเกษตรกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือนกันยายน 2557 หดตัวร้อยละ -3.4 ต่อปี ส่งผลทำให้ไตรมาสที่ 3 หดตัวร้อยละ -0.5 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -5.5 ต่อไตรมาส ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปี ทำให้เกษตรกรลดการปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 ประกอบกับผลผลิตมันสำปะหลังที่หดตัวลง เนื่องจากมีการเร่งเก็บเกี่ยวไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ภาคบริการสะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนกันยายน 2557 หดตัวร้อยละ -7.0 ต่อปี ส่งผลทำให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2557 หดตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ?-10.1 ต่อปี แต่ขยายตัวได้ร้อยละ 3.9 ต่อไตรมาส ส่วนหนึ่งเป็นผลมาความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่อสถานการณ์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น
ด้านเสถียรภาพในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศยังคงแข็งแกร่งโดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ต่อปี ทำให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2557 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ โดยในเดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานรวม ส่งผลทำให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 0.8 หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.52 แสนคน สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 161.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.7 เท่า ซึ่งจะสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้