นายบุญสืบ สังข์อุบล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในสภาวะที่ปุ๋ยเคมีมีราคาแพงแต่ต้นยางจำเป็นต้องได้รับธาตุอาหารในปริมาณที่เหมาะสม การใส่ปุ๋ยให้กับยางพาราตามความต้องการ และปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในดินเฉพาะพื้นที่ เป็นวิธีที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ ซึ่งก่อนที่เกษตรกรจะใส่ปุ๋ยให้กับต้นยางพารานั้น เกษตรกรควรทราบถึงปริมาณของธาตุอาหารที่มีอยู่ในดินและความต้องการของยางพารา วิธีการที่จะสามารถตรวจสอบปริมาณธาตุอาหารในดินได้คือการนำตัวอย่างดินไปวิเคราะห์หาปริมาณธาตุอาหารในดิน
“สกย.จ. นราธิวาส ได้ให้ความสำคัญกับการอบรมหลักสูตร การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เพราะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรชาวสวนยางเป็นอย่างมาก หากเกษตรกรชาวสวนยางผู้ผ่านการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจในหลักวิชาการของการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินแล้วนำไปปรับใช้ จะสามารถลดต้นทุนการผลิตยางพาราลงได้ไม่น้อย ซึ่งในจังหวัดนราธิวาสนั้นมีศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ คอยดูแล ให้ความรู้ โดยเกษตรกรสามารถเก็บตัวอย่างดินส่งให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริทำการวิเคราะห์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
ผอ.สกย.จ.นราธิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการจัดอบรมหลักสูตรเพื่อการบำรุงรักษาสวนยางแล้ว ในช่วงฤดูกาลปิดกรีด เกษตรกรชาวสวนยางจะมีเวลาว่างเพิ่มมากขึ้น จึงเล็งเห็นว่า หากใช้เวลาว่างมาดูแลอุปกรณ์เครื่องมือในการดูแลสวนยางของตนเอง เช่น เครื่องตัดหญ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญสำหรับเกษตรกรกรชาวสวนยาง เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้เพื่อดูแลรักษาสวนยาง หากเจ้าของเครื่องตัดหญ้ามีความรู้ความเข้าใจในการซ่อมบำรุงรักษาแล้วจะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งาน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าว เป็นหลักสูตรที่เกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดนราธิวาสให้ความสนใจอย่างยิ่ง และต้องการให้ทาง สกย.จ. นราธิวาสจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง เพราะยังสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปประกอบเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกรชาวสวนยางอีกทางหนึ่ง