พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีหญิงชรา อายุ ๘๘ ปี พิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งถัดไปตามถนน หาเก็บของเก่าและขยะข้างทางขาย เพื่อหาเงินประทังชีวิต ที่บางปะกง กม.๔๔ จังหวัดฉะเชิงเทรา และกรณีหญิงสาว อายุ ๒๒ ปี ป่วยเป็นโรคผิวหนังแข็ง หลอดอาหารแข็งไม่สามารถทานอาหารได้ สภาพร่างกายซูบผอม กล้ามเนื้ออ่อนแรงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องนอนอย่างเดียว จนเกิดอาการแผลกดทับบริเวณสะโพก อาศัยอยู่กับตาอายุ ๖๗ ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว เดินไม่ได้ และเป็นเบาหวาน ครอบครัวฐานะยากจน ที่จังหวัดตราด ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีผู้ปกครองของเด็กหญิง อายุ ๒ ขวบ ร้องขอความเป็นธรรมให้กับหลานสาวที่ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ภายหลังแพทย์ชันสูตรพลิกศพ แจ้งว่ามีเลือดออกในช่องท้องจำนวนมาก ตับฉีกขาดอย่างรุนแรง มีบาดแผลถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งบาดแผลเก่าและใหม่รวมกันหลายแห่ง ที่จังหวัดระนอง ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระนอง (พมจ.ระนอง) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมเร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียหายโดยด่วน
“กรณีโลกสังคมออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวของหญิงชราผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังนอนหลับบนทางเท้า แต่ถูก ชายหนุ่ม ใช้ก้อนหินฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจำนวนหลายครั้ง แล้วหนีไป จึงมีพลเมืองดีพาหญิงชราไปแจ้งความ ภายหลังทราบว่าชายหนุ่มที่ทำร้าย เป็นคนสติไม่สมประกอบ และกลัวหญิงชราจะมาแย่งที่นอน ที่บริเวณตลาดพลู กรุงเทพฯ ตนได้กำชับไปยังศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC ให้เข้าช่วยเหลือกรณีดังกล่าวแล้ว โดยมีการประสานไปยัง สน.ตลาดพลู และโรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ ที่รับตัวหญิงชราเข้ารักษาพยาบาล เพื่อเตรียมการช่วยเหลือ ตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์ ตามภารกิจของกระทรวงฯ ต่อไป” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย