โพลลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการปกครองรอบ1 ปีของรัฐบาล

จันทร์ ๒๕ พฤษภาคม ๒๐๑๕ ๐๙:๔๔
ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ และอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการ สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ระดับอุดมศึกษาร่วมแถลงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา

ศ.ศรีศักดิ์กล่าวสรุปว่าผลงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่กลุ่มตัวอย่างพึงพอใจมากที่สุด 3 อันดับได้แก่ การแก้ไขความไม่สงบ/ความวุ่นวายทางการเมืองคิดเป็นร้อยละ 49.96 การปลูกฝังให้คนไทยมีจิตรสำนึกรักสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์คิดเป็นร้อยละ 47.66

การแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด/อบายมุข/การพนันคิดเป็นร้อยละ 40.15 ขณะที่ผลงานที่กลุ่มตัวอย่างไม่พึงพอใจเลยมากที่สุด 3 อันดับคือ การแก้ไขปัญหาสินค้าอุปโภค/บริโภคราคาแพงคิดเป็นร้อยละ 18.07 การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร/ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำคิดเป็นร้อยละ 17.56 และการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในนโยบาย/กิจการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัฐคิดเป็นร้อยละ 17.31

สำหรับระดับความพึงพอใจในการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 43.48 พึงพอใจมาก กลุ่มตัวอย่างประมาณหนึ่งในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 33.42 พึงพอใจในระดับปานกลาง ร้อยละ 15.09 พึงพอใจน้อย และร้อยละ 8.01 ไม่พึงพอใจเลย

นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 58.91 มีความคิดเห็นว่าการออกคำสั่งประกาศใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี พ.ศ. 2557 จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.58 ไม่ช่วย และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.51 ไม่แน่ใจ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.06 มีความคิดเห็นว่าในปัจจุบันมีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี พ.ศ. 2557 แก้ไขปัญหาต่างๆมากเกินไป ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 27.45 มีความคิดเห็นว่าไม่มากเกินไป ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 10.49 ไม่แน่ใจ

ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 58.14 มีความคิดเห็นว่าปัญหาต่างๆของประเทศซึ่งได้รับการแก้ไขในช่วงการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีโอกาสกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งหลังการสิ้นสุดอำนาจการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.41 มีความคิดเห็นว่าไม่มีโอกาส ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 12.45 ไม่แน่ใจ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างถึงประมาณสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 66.24 มีความคิดเห็นว่าในอนาคตหลังการสิ้นสุดอำนาจการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติไปแล้วจะมีโอกาสเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นอีก ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างไม่ถึงหนึ่งในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 24.89 มีความคิดเห็นว่าไม่มีโอกาส และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.87 ไม่แน่ใจ

และสำหรับระยะเวลาที่ควรจะให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้บริหารประเทศต่อไปนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 40.92 มีความคิดเห็นว่าควรให้โอกาสคณะรักษาความสงบแห่งชาติบริหารประเทศไปอีกเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 26.34 มีความคิดเห็นว่าควรให้โอกาสบริหารประเทศไปอีก 2 ถึง 3 ปี ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.27 ระบุว่าควรให้โอกาสบริหารประเทศไปอีกประมาณ 1 ปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4