กรมป่าไม้จับมือชาวบ้านร่วมอนุรักษ์ป่า

นายธีรภัทร กล่าวอีกว่า อาสาสมัครเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงทรัพยากรฯ แต่การดำเนินงานของอาสาสมัครยังมีข้อจำกัด ขาดการเชื่อมร้อยระหว่างระดับนโยบายและระดับปฏิบัติทำให้เกิดช่องว่างในการทำงานร่วมกัน รวมถึงขาดการประสานงานระหว่างเครือข่ายและภาคีที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้กระทรวงทรัพยากรฯ จึงกำหนดนโยบายบูรณาการเครือข่ายอาสาสมัครขึ้น โดยในวันที่ 27 พ.ค. นี้ กรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อมจะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุม เพื่อเปิดเวทีให้อาสาสมัครและหน่วยงานร่วมหารือและกำหนดแนวทางการเสริมสร้างและความร่วมมือกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายเต้นยิ้ว วชิรพันธ์วิชาญ ประธานรสทป. จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีอาสาสมัครพิทักษ์ป่าสภาพป่ามีความเสื่อมโทรม เนื่องจากชาวบ้านมีส่วนในการบุกรุกทำลายป่าและมีนายทุนอยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อมีการจัดตั้งอาสาสมัคร ชาวบ้านก็มีจิตสำนึกกันมากขึ้น สภาพป่ากลับมามีสภาพอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตที่ได้จากป่า อาทิ หน่อไม้ ผักหวาน พืชสมุนไพร อึ่ง แย้ มีเพิ่มขึ้นจากสภาพป่าที่สมบูรณ์ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมเมื่อปี 2546 ชาวบ้านมีรายได้จากผลผลิตป่า 1.7 ล้านบาทต่อปี แต่เมื่อปี 2556 ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นมากถึง 4 ล้านบาทต่อปี ทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และร่วมกันดูแลรักษาป่าอย่างดีที่สุด

“อย่างไรก็ตามแม้ชาวบ้านจะอยากทำงานกันมากแค่ไหน แต่ด้วยอุปสรรคบางปัจจัย เช่น งบประมาณ ทำให้ชาวบ้านที่มีใจรักธรรมชาติ อาจท้อแท้ในการทำงาน อย่างการลาดตระเวนที่ต้องใช้ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร แต่เมื่อชาวบ้านต้องควักเงินจากกระเป๋าตัวเอง ก็อาจทำงานไม่ได้เต็มที่ ซึ่งยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่มีใจรักทำงานแต่ยังขาดงบประมาณตรงนี้อยู่ ขณะเดียวกันภาครัฐควรมีการจัดอบรมให้ความรู้กับชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นจิตสำนักรักธรรมชาติอยู่เสมอ ไม่อยากให้มาอบรมแล้วก็ขาดช่วงเป็นปีๆ เพราะการทำงานด้านนี้ชาวบ้านต้องร่วมมือกับภาครัฐป่าถึงจะอยู่ได้” ประธานรสทป. จ.กาญจนบุรี กล่าว