การเป็นพันธมิตรดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการเข้าซื้อกิจการบริษัทจีเอชซี เอเชีย60 เปอร์เซ็นต์โดย บริษัท ฮาคุโฮโด กรุ๊ป (Hakuhodo Group)ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำหนึ่งในสิบของโลกด้านการตลาดและโฆษณา และจากแผนงานทางกลยุทธ์ของจีเอชซี เอเชียเพื่อขยายการให้บริการทางธุรกิจในภูมิภาคนี้
“เราได้มีการดำเนินการอยู่บ้างแล้วในกรุงเทพฯ แต่เรามีความรู้สึกว่าการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งใหม่นี้จะทำให้เราเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความสามารถที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในการให้บริการลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้“ พอล ฮิกส์ (Paul Hicks) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชซี เอเชีย กล่าว
“เรายังเล็งเห็นประโยชน์อันดีเยี่ยมในการดำเนินธุรกิจร่วมกันระหว่างทั้งสองบริษัท บริษัท ทีคิวพีอาร์ ก็มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากในภาคส่วนที่เราได้ดำเนินการอยู่แล้ว อาทิ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการให้บริการ (hospitality) และอุตสาหกรรมการบิน ทั้งยังช่วยต่อยอดความเชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมที่เรามีความประสงค์จะเข้าถึง อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์”
โดยส่วนหนึ่งของการเป็นพันธมิตร บริษัท ทีคิวพีอาร์จะให้บริการลูกค้าเดิมที่มีอยู่ในประเทศไทยของบริษัท จีเอชซี เอเชีย ทั้งนี้ทั้งสองบริษัทฯพร้อมเดินหน้าร่วมกันในการหาโอกาสเพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ”
บริษัท ทีคิวพีอาร์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 โดย ทอม แวน บลาคัม และ เมธาวรินทร์ มณีกูลพันธ์ ให้บริการครอบคลุมกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญอันหลากหลายส่งผลให้ทีคิวพีอาร์ ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการประชาสัมพันธ์แบบครบวงจรระดับแนวหน้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นแก่บริษัทฯประกอบด้วย แอร์บัส วอลท์ ดิสนีย์ สายการบินเอทิฮัด อาเจ บิ๊กโคล่า เซสปรี แอกซ่า ลัมโบร์กินี คอมม์วอลท์ และอื่นๆ
บริษัท จีเอชซี เอเชีย ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงเมื่อปี พ.ศ.2540 โดย ลินน์ เกรบสแตท (Lynn Grebstad) และพอล ฮิกส์ (Paul Hicks) ผู้มีประสบการณ์อย่างกว้างขว้างและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ทางธุรกิจ สื่อเป้าหมาย และผู้บริโภคในระดับสูง
ด้วยฐานลูกค้าหลักที่เป็นโรงแรม แบรนด์ชั้นสูง ร้านอาหารระดับไฮเอนด์ และหน่วยงานการท่องเที่ยวแห่งชาติของหลากหลายประเทศ จีเอชซี เอเชียจึงเป็นบริษัทด้านการประชาสัมพันธ์ที่มีความโดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่มุ่งเน้นลูกค้าที่มีรายได้ในระดับสูง
ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกง จีเอชซี เอเชียได้เปิดสำนักงานในเซี่ยงไฮ้และสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2549 และปักกิ่งเมื่อปี พ.ศ. 2552 และกรุงเทพฯเมื่อปี พ.ศ. 2553 และเฉิงตูในปีพ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นการเติบโตควบคู่ไปกับการเติบโตของชนชั้นผู้มีกำลังทางการเงินของเอเชีย