พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า กรณีสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวของเด็กหญิง อายุ ๑๑ ขวบ กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.๖ ได้เขียนจดหมายถึงร้านสะดวกซื้อ 7-eleven เพื่อขอคืนเงินจำนวน ๕ บาท ที่ได้รับทอนเกินมา โดยระบุข้อความในจดหมายว่ารู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่ใช่เงินของตนเอง ที่จังหวัดสงขลา ตนขอยกย่องและชื่นชม ในความซื่อสัตย์สุจริต ถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีความซื่อสัตย์คิดคืนเจ้าของ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กและเยาวชน
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า จากกรณีหญิงชรา อายุ ๗๐ ปี ป่วยเป็นโรคข้อกระดูกเสื่อม ต้องรับภาระเลี้ยงดูแม่ชรา อายุ ๙๖ ปี ที่ป่วยมีเลือดออกทางทวารหนัก ทรมานมาหลายปี และต้องเลี้ยงดูหลานอีก ๒ คน อายุ ๑๐ และ ๑๓ ปี ซึ่งลูกสะใภ้ทิ้งไว้ ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่จังหวัดราชบุรี และกรณีชาย อายุ ๕๒ ปี รับภาระเลี้ยงดูลูกชาย อายุ ๒๘ ปี พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เนื่องจากถูกรถชน เคยขอกู้เงินจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เพื่อจะนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลลูก แต่ยื่นเรื่องไปนานแล้ว ยังไม่มีวี่แววได้ ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ทั้ง ๒ กรณี ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับกรณีหญิงชรา ที่รับภาระเลี้ยงดูหลาน ๒ คน อายุ ๒ ขวบ และ ๘ เดือน ตามลำพัง ในบ้านสภาพ เก่าทรุดโทรม อาศัยเก็บของเก่าขายประทังชีวิต ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่จังหวัดนครราชสีมา ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา (พมจ.นครราชสีมา) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการปรับปรุงที่อยู่อาศัย ให้เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ และกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมชายชรา อายุ ๖๒ ปี ที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา เด็กชาย อายุ ๑๔ ปี โดยรับสารภาพว่า เคยทำมาแล้วหลายครั้ง ที่จังหวัดเลย ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเลย (พมจ.เลย) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมเร่งฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กชายและครอบครัวอย่างเร่งด่วนต่อไป” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย