การกำหนดหัวข้อการประชุมในปีนี้ มาจากแนวคิดว่าโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน ความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ ยังไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เต็มที่ ซึ่งหากสามารถพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีในภาคเอกชนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ก็จะมีส่วนช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจให้สูงขึ้น
ในปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายฝ่ายทั้งหน่วยงานกำกับดูแล นักลงทุนหรือ องค์กรธุรกิจต่างเห็นตรงกันว่าจะช่วยสร้างให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้ตามสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และสร้างให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งต่อองค์กรและภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
“ประเด็นธรรมาภิบาลถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับประเทศไทยในขณะนี้อย่างมาก การพัฒนาระบบธรรมาภิบาลจะต้องทำควบคู่กันไปทั้งในภาคธุรกิจและภาคราชการ โดยต้องมีการปรับตัวในสามเรื่องหลัก ได้แก่ การพัฒนาธรรมาภิบาลของภาครัฐ การพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการอิสระ และ การเตรียมความพร้อมทางด้านการกำกับดูแลกิจการเมื่อเข้าสู่ AEC” ดร. บัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ IOD กล่าว
ในงานนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ให้เกียรติมากล่าวปาฐกถาพิเศษที่ครอบคลุมประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ หลังปาฐกถาพิเศษ มีการเสวนาตลอดทั้งภาคเช้าและบ่าย ในเรื่องธรรมาภิบาลกับเศรษฐกิจในหลายแง่มุม ซึ่งมีการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย