วาเลนติโน่ รอสซี่ ที่นำรถแข่ง YZR-M1 ทำเวลาออกสตาร์ทอันดับแรกของสนาม แอสเซน สามารถเก็บโฮลช็อต ออกสตาร์ทนำตั้งแต่โค้งแรกของการแข่งขันโดยมี มาร์ค มาร์เควซ และฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ไล่ตามหลังมาตั้งแต่รอบแรก แต่หลังผ่านต้นเกมไปได้ไม่นาน การแข่งขันสนามนี้กลายเป็นเกมการไล่ล่ากันระหว่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ และมาร์ค มาร์เควซ โดยทั้งคู่ได้ยืดห่างออกจาก ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ อันดับที่สามออกไปดวลแชมป์กันเพียงแค่ 2 คันเท่านั้น และรอสซี่ ปิดเรซซิ่งไลน์ของแทร็คแอสเซนได้อย่างเหนียวแน่นจนกระทั้งในรอบที่ 20 ของการแข่งขันมาร์เควซ สามารถแซงขึ้นหน้ารอสซี่ได้ในโค้งแรกสุดทางตรงสนาม แต่รอบที่ 24 รอสซี่ เสียบในคืน และกลับมาเป็นผู้นำหัวแถวได้อีกครั้ง และความเร้าใจของการแข่งขัน มาอยู่ที่ดราม่าโค้งชิเคนก่อนเข้าทางตรงของรอบที่ 26 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายเมื่อ มาร์ค มาร์เควซ เดินคันเร่งเข้าในทำให้รถแข่งมาปะทะกับรถแข่งของวาเลนติโน่ รอสซี่ ที่ล้ำหน้าไปครึ่งคันแล้วและทำให้รอสซี่หลุดแทร็คลงรันออฟแอเรีย แต่ด้วยประสบการณ์เก๋าเกมที่ผ่านการเทรนนิ่งในสไตล์เดิร์ทแทร็คมาทำให้รอสซี่เปิดคันเร่งผ่านกรวดหินกลับเข้าแทร็คพร้อมกับเดินคันเร่งหนีเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 คว้าแชมป์สนามที่ 3 ของฤดูกาลได้สำเร็จ โดยมีมาร์เควซที่เสียจังหวะในการปะทะไปเล็กน้อยตามเข้าเส้นชัยอันดับที่ 2 ห่างกัน 1.2 วินาที และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3
โดยชัยชนะในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกหลังจากปี 2009 ที่มิซาโน่ เซอร์กิต ที่วาเลนติโน่ รอสซี่ ควอลิฟายในตำแหน่งโพล และจบการแข่งขันในฐานะแชมเปี้ยนของสนาม และยัง ส่งผลให้ วาเลนติโน่ รอสซี่ รักษาสถิติยืนโพเดี้ยมครบทุกสนามในซีซั่น 2015 โดยคะแนนสะสมของวาเลนติโน่ รอสซี่ ยังนำเป็นอันดับที่หนึ่ง มี 163 คะแนน นำเพื่อนร่วมทีม ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ อันดับที่สองอยู่ 10 คะแนน