ร่วมมือภาคเกษตรไทย-อิสราเอล สศก. แจง คืบหน้าแนวทางพัฒนาใช้ระบบน้ำหยด

พฤหัส ๐๒ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๔:๒๕
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร แจงผลคืบหน้าการดำเนินงานความร่วมมือเกษตรไทย-อิสราเอล ชูการพัฒนาร่วมระบบน้ำหยด เตรียมผลักดันสู่ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP ระบุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสม มั่นใจ เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคโนโลยี และขยายการค้าร่วมกันต่อไป

นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สศก. ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามผลการดำเนินงานความร่วมมือเกษตรไทย-อิสราเอล ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตามผลการเยือนอิสราเอลของผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย) ที่ได้เดินทางไปร่วมงานนิทรรศการเทคโนโลยีเกษตรนานาชาติและหารือความร่วมมือด้านการเกษตร ณ ประเทศอิสราเอล

ในการนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือกันระหว่างหน่วยงานภายในของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องความคืบหน้าโครงการความร่วมมือกับประเทศอิสราเอลในเรื่องพัฒนาการใช้น้ำ โดยเฉพาะเรื่องระบบน้ำหยด ซึ่งประเทศอิสราเอลนับได้ว่ามีการพัฒนาและเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการพัฒนาการใช้น้ำระบบน้ำหยดในพื้นที่ 3 ขนาด ได้แก่ พื้นที่โครงการชลประทานขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก โดยจะนำเทคโนโลยีน้ำหยดจากประเทศอิสราเอลซึ่งมีทั้งระบบน้ำหยดบนดินและใต้ดินมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับการเพาะปลูกพืชของไทย เช่น มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา

อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไป จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) ซึ่งคาดว่าความร่วมมือในลักษณะ PPP ในเรื่องระบบน้ำหยดจะเป็นการลงทุนในสินค้าและบริการเพื่อลดความเสี่ยงของเกษตรกรในการบำรุงรักษาหรือการแก้ปัญหาต่างๆ โดยที่สัดส่วนการร่วมทุนสามารถทำได้หลายรูปแบบ คือ (1) รัฐลงทุนให้เกษตรกรทั้งหมด ผ่านช่องทางสหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร (2) รัฐและเอกชนลงทุนร่วมกัน และ (3) รัฐ เอกชน และสหกรณ์หรือเกษตรกรร่วมลงทุน เป็นต้น ซึ่งการจัดทำโครงการความร่วมมือ PPP นั้น สศก. จะได้จัดประชุมหารือเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานต่อไป

ทั้งนี้ ในส่วนความร่วมมือภาคเกษตรในเรื่องการตรวจวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช ไทยและอิสราเอลอยู่ระหว่างดำเนินการกระบวนการดังกล่าว โดยอิสราเอลได้แสดงความประสงค์ที่จะนำเข้าผลไม้ 7 ชนิด ได้แก่ ทับทิม อินทผาลัมสด อะโวคาโด ลูกท้อ เนคทารีน พลัม และพลับ ในขณะที่ไทยขอให้อิสราเอลเร่งตรวจสอบสินค้า ลำไย กล้วยไม้ และสับปะรด เช่นกัน ทั้งนี้ คาดว่าความร่วมมือระหว่างไทยและอิสราเอลจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคโนโลยี การจัดการด้านการเกษตร และจะส่งผลให้เกิดการขยายการค้าระหว่างกันต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4