องค์กรเครือข่ายที่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติออกแถลงการณ์ 5 ข้อ คัดค้านรัฐส่งกลับชาวมุสลิม อุยกูร์ จำนวนกว่า 90 คน ไปโดยไม่สมัครใจ

พฤหัส ๑๖ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๐๙:๓๐
องค์กรเครือข่ายทื่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติออกแถลงการณ์ 5 ข้อ คัดค้านรัฐส่งกลับชาวมุสลิม อุยกูร์ จำนวนกว่า 90 คน ไปโดยไม่สมัครใจ ชี้เป็นการขัดกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเสนอตรวจสอบกระบวนการตรวจสอบการส่งกลับ และเรียกร้องเปิดทางให้สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งองค์การสหประชาชาติเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2558ที่ผ่านมา พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสักนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวอยางเป็นทางการภายหลังเกิดเหตุประชาชนในประเทศตุรกีทำการประท้วงและทำลายทรัพย์สินของสถานกงสุลไทยในกรุงอิสตัลบูล ประเทศตุรกี เนื่องมาจากไม่พอใจที่ทางการไทยส่งผู้อพยพชาวอุรกูร์ จำนวนกว่า 90 คน ไปยังประเทศจีน โดยกรณีดังกล่าวนี้ได้มีองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่สถานฑูตต่างประเทศจำนวนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้ติดตามและสอบถามเจ้าหน้าที่ของไทยถึงกระบวนการส่งกลับชาวอุยกูร์ดังกล่าว

แม้ทางตัวแทนรัฐบาลไทยจะยืนยันการตัดใจและการกระทำดังกล่าวเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม และหลักสากล แต่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและ UNHCR เห็นว่ากระบวนการส่งกลับชาวอุยกูร์นั้น ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในหลักการไม่ผลักดันกลับไปสู่ความไม่ปลอดภัย (Non-Refoulement) อันเป็นหลักการสำคัญในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดย UNHCR ยังได้แถลงว่า "ตกใจ" กับการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทยและเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทำการสอบสวนเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายข่าวระบุอย่างชัดเจนชาวมุสลิมอุยกูร์มีความประสงค์จะเดินทางไปประเทศตุรกีซึ่งทางประเทศตุรกีเองยินดีรับชาวอุยกูร์ทั้งหมด

ล่าสุดเครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติซึ่งประกอบด้วย สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา โครงการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ (stateless watch) .มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (Prorights Foundation) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ร่วมกันออกแถลงการณ์คัดค้านการกระทำดังกล่าวของรัฐ โดยในแถลงการณ์ระบุว่า เครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติมีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยจะยืนยันว่าได้ดำเนินการให้มีการพิสูจน์สัญชาติโดยตัวแทนจากทั้งประเทศตุรกีและประเทศจีน แต่ดังที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์ภายในพื้นที่บางส่วนของประเทศจีนยังคงมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างชนชาติอุยกูร์และรัฐบาลจีน ทำให้ชาวมุสลิมจำนวนหลายรายต้องหนีภัยประหัติประหารออกจากพื้นที่ความขัดแย้ง การตัดสินใจผลักดันกลับชาวมุสลิมไปยังประเทศจีนโดยไม่สมัครใจและไม่ตระหนักถึงการต้องเผชิญกับภัยประหัตประหาร หรือมีความเสี่ยงต่อชีวิตหรือเสรีภาพของผู้ถูกผลักดันกลับ จึงเป็นการละเมิดหลักการห้ามผลักดันไปเผชิญอันตราย (Non-Refoulement) ซึ่งเป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (Customary international law) ที่ผูกพันรัฐไทย แม้ว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้รับอนุสัญญาผู้ลี้ภัยก็ตาม นอกจากนี้ การส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวนกว่า 90 รายแก่ประเทศจีน มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนดังกล่าวอาจได้รับการตั้งข้อหาที่ร้ายแรงโดยไม่เป็นธรรม โดยปราศจากกระบวนการเฝ้าระวังต่อการดำเนินกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศจีน โดยองค์กรอิสระภายนอก

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทางเครือข่ายฯ และองค์กรท้ายแถลงการณ์นี้ มีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยและองค์กรเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ดังต่อไปนี้

1.ขอให้รัฐบาลไทยทบทวนการปฏิบัติตามกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศและกติการะหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและในฐานะสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ เพื่อป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตของผู้หนีภัยประหัติประหาร ซึ่งนอกจากจะเป็นการยึดหลักมนุษยธรรมและหลักสากลตามที่ไทยได้ยืนยันมาตลอดแล้ว ยังเป็นการช่วยให้รัฐไทยรอดพ้นจากความโกรธแค้นหรือเกลียดชัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มผู้ที่มีความเห็นใจต่อกลุ่มชายมุสลิมอุยกูรย์ในตุรกี ที่อาจจะต้องเผชิญกับภัยประหัติประหาร การปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยยธรรม การทรมาน เป็นต้น

2.ขอให้รัฐบาลไทยมีมาตรการในการตรวจสอบการดำเนินการในครั้งนี้ และขอให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อการดำเนินการดังกล่าวแสดงความรับผิดชอบต่อการดำเนินการที่เกิดขึ้น รวมทั้งกำหนดมาตรการในการจัดการต่อกรณีการดำเนินต่อผู้อพยพแสวงหาที่พักพิงตามกฎหมายระหว่างประเทศ

3. ยินยอมให้ เจ้าหน้าที่จากสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีความเป็นมืออาชีพ และได้รับการยอมรับโดยสมาชิกขององค์การสหประชาชาติด้วยกัน ในการเข้าไปดูแลและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะของผู้ลี้ภัยของกลุ่มชาวมุสลิมอุยกูร์ได้อย่างเป็นอิสระ เพื่อสามารถกำหนดแนวทางให้การช่วยเหลือได้ตามกรอบหน้าที่

4. ขอให้องค์กรด้านการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ และภาคประชาสังคมของประเทศจีนเอง เฝ้าติดตามชะตากรรมและตรวจสอบการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลจีนที่จะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับกลุ่มดังกล่าว

5. ขอให้เรียกร้องให้รัฐบาลจีน เปิดโอกาสให้ผู้แทนขององค์การสหประชาชาติ สนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ความขัดแย้ง เพื่อประกันการอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรม ภาษา ศาสนาที่หลากหลาย อย่างสันติ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

ด้วยความเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

1.เครือข่ายประชากรข้ามชาติ (Migrants Working Group)

2.สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน

3.มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา

4.โครงการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ (stateless watch)

5.มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (Prorights Foundation)

6.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

7.สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?