การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจ ณ เดือนพฤษภาคม 2558 แบ่งออกเป็น รัฐวิสาหกิจ ที่ใช้ระบบปีงบประมาณ จำนวน 35 แห่ง สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้จำนวน 38,585 ล้านบาท จากกรอบวงเงินจำนวน 144,680 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ระบบปีปฏิทิน จำนวน 11 แห่ง สามารถเบิกจ่ายจำนวน 50,๕๔๖ ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 206,188 ล้านบาท
นายกุลิศฯ กล่าวว่า สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีแผนการลงทุนตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปและมีผลการเบิกจ่ายสะสม ณ เดือนพฤษภาคม 2558 ล่าช้า เนื่องจากมีการปรับแผนการดำเนินงานหรือไม่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนเบิกจ่ายที่ตั้งไว้ มีดังนี้
(๑) โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง มีแผนการเบิกจ่ายสะสมจำนวน ๒,๔๐๗ ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายสะสม ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑,๐๗๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๕ ของแผนเบิกจ่ายสะสม โดยมีสาเหตุมาจากโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่มีความล่าช้า เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับลดแผนจากการชะลอการซื้อเครื่องจักรด้านใบยาและเครื่องจักรด้านมวนและบรรจุ โดยคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ในไตรมาสที่ ๔/๒๕๕๘
(๒) การรถไฟแห่งประเทศไทย มีแผนการเบิกจ่ายสะสมจำนวน ๒๖,๐๑๑ ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายสะสม ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑,๔๑๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๔ ของแผนเบิกจ่ายสะสม โดยมีความล่าช้าในหลายโครงการ เช่น โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ บางซื่อ-รังสิต เนื่องจากสัญญาการกู้เงินสกุลเยนหมดอายุลง จึงดำเนินการทำสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ และมีโครงการ/แผนงาน ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ มีจำนวน ๔ โครงการ และ ๔ แผนงาน คิดเป็นมูลค่า ๑๓,๗๔๙ ล้านบาท หรือ ร้อยละ ๒๗.๐๕ ของแผนงบลงทุนทั้งปี
(๓) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีแผนการเบิกจ่ายสะสมจำนวน ๑๑,๖๘๖ ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายสะสม ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๙๓ ของแผนเบิกจ่ายสะสม โดยมีสาเหตุมาจากความล่าช้าในโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๔๘๙ คัน ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งมอบรถโดยสารงวดแรก จำนวน ๕๐ คัน ในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ขสมก. อยู่ระหว่างการปรับแผนการจัดซื้อรถโดยสาร NGV จากเดิมที่เคยกำหนดไว้จำนวน ๓,๑๘๓ คัน โดยจะพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการจัดซื้อรถโดยสารดังกล่าวอีกครั้งในระยะต่อไป
(๔) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีแผนการเบิกจ่ายสะสมจำนวน ๒,๖๘๔ ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายสะสม ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑,๒๓๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๖ ของแผนเบิกจ่ายสะสม โดยมีสาเหตุความล่าช้ามาจากโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศเพื่อรองรับอินเตอร์เน็ตและโครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
"สคร. ในฐานะที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ได้ดำเนินการติดตาม รวบรวม รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่ง 8 เดือนสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้ระบบปีงบประมาณ และ ๔ เดือน สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้ระบบปีปฏิทิน ที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจมีความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบลงทุน ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ สคร. จึงได้พยายามเร่งรัดให้มีการเบิกจ่าย เพื่อผลักดันให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคงทางการคลังของประเทศและมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้มีหนังสือแจ้งประธานกรรมการรัฐวิสาหกิจ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และรัฐวิสาหกิจ เร่งรัดและติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามแผน พร้อมทั้งให้รัฐวิสาหกิจชี้แจงเหตุผลของการเบิกจ่ายงบลงทุนล่าช้า เพื่อ สคร. ทราบโดยเร็วด้วย" นายกุลิศ กล่าวสรุป